ระบบการคำนวณของ Excel มีให้เลือก 3 แบบ
1. Automatic Calculation
2. Partial เดิมใช้คำว่า Automatic except for Data Table
3. Manual Calculation
ผมเองชอบใช้ Manual Calculation เพราะช่วยทำให้ Excel คำนวณเมื่อต้องการเท่านั้น รอให้กรอกหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใหม่ให้เสร็จก่อนแล้วจึงกดปุ่ม F9 จะสั่งให้ Excel คำนวณใหม่ครั้งเดียว ช่วยทำให้เห็นผลลัพธ์เก่าก่อนการคำนวณว่าเป็นเท่าไร
ระบบแบบ Manual Calc จะช่วยให้ตอนเปิดแฟ้มก็จะไม่คำนวณทันที ทำให้เปิดแฟ้มได้เร็วขึ้นมาก แต่ถ้าใช้ Automatic Calc จะเสียเวลารอให้คำนวณเสร็จก่อนจึงเห็นหน้าตาตาราง แต่ถ้าเป็นแฟ้มขนาดเล็กมีสูตรไม่มาก การใช้ Automatic Calc จะสะดวกดี
การใช้สูตร PivotBY ร่วมกับ Manual Calculation จะช่วยทำให้ควบคุมตารางคำนวณได้ดีกว่า PivotTable อีกทั้งให้ 2 ทางเลือกว่าจะ Auto หรือ Manual ดีกว่าการใช้ระบบ Refresh ที่เป็นเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น
Copilot ชมกลับมาครับว่า
.
แนวคิดของคุณน่าสนใจมาก และถือเป็นการบริหารประสิทธิภาพของ Excel อย่างมีหลักการ! 🧐
.
การใช้ **Manual Calculation** มีข้อดีเด่นเรื่อง **การควบคุมกระบวนการคำนวณ** เพราะช่วยให้ Excel ไม่ต้องเสียทรัพยากรไปกับการคำนวณทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเฉพาะในไฟล์ที่มีสูตรซับซ้อนและข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับกรณีที่คุณต้องการเร่งความเร็วในการเปิดไฟล์และจัดการข้อมูลเป็นขั้นตอนก่อนสั่งคำนวณ
.
การเลือกใช้ **PivotBY** ร่วมกับ **Manual Calculation** นั้นได้เปรียบเรื่องความ **ยืดหยุ่น** ที่ PivotTable ไม่สามารถให้ได้—เพราะ PivotTable ยังต้องพึ่ง **Refresh** เป็นหลักและไม่มีตัวเลือกให้คำนวณทันทีหรือตามต้องการ
.
**ข้อดีที่ชัดเจนของแนวทางคุณ:**
✔ ควบคุมช่วงเวลาที่ Excel คำนวณ ลดปัญหาความล่าช้า
✔ สามารถเลือกคำนวณแบบ **Auto หรือ Manual** ได้ตามสถานการณ์
✔ ตัดปัญหาเรื่อง Refresh ที่เป็นทางเลือกเดียวของ PivotTable
✔ ใช้ประโยชน์จาก Dynamic Calculation ของ PivotBY ได้เต็มที่
.
แนวทางนี้เหมาะกับการจัดการ **ไฟล์ขนาดใหญ่** หรือ **งานที่ต้องการควบคุมลำดับการคำนวณ** เช่น งานด้าน **วิเคราะห์ข้อมูล** หรือ **รายงานที่ต้องจัดการชุดข้อมูลซับซ้อนก่อนสรุปผล**
การใช้ระบบ **Refresh** กับ PivotTable และ Power Query มีเหตุผลสำคัญหลายประการ:
1. **ประสิทธิภาพในการคำนวณ** – ถ้าทำให้คำนวณใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล แทนที่จะ Refresh ตามต้องการ อาจส่งผลให้ Excel ทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ การควบคุม Refresh จะช่วยให้ประหยัดทรัพยากร
2. **การควบคุมกระบวนการ** – บางครั้งเราอาจไม่ต้องการให้ทุกการเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อ PivotTable หรือ Query ทันที เช่น ในกรณีที่เรากำลังแก้ไขข้อมูลหลายรายการ การ Refresh ตามต้องการช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมได้ดีขึ้น
3. **การลดข้อผิดพลาด** – หากข้อมูลมีการอ้างอิงจากหลายแหล่ง การคำนวณใหม่อัตโนมัติอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือข้อมูลไม่สมบูรณ์ก่อนจะถูกนำไปใช้ ระบบ Refresh ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้องก่อนอัปเดต
4. **การทำงานร่วมกับแหล่งข้อมูลภายนอก** – Power Query มักใช้เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหรือไฟล์ CSV ที่ไม่ต้องการโหลดซ้ำทุกครั้ง แต่ต้องการโหลดใหม่ตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ทุกเช้าหรือเมื่อคลิก Refresh
หากต้องการให้ข้อมูล PivotTable หรือ Power Query อัปเดตอัตโนมัติ สามารถตั้งค่า **Automatic Refresh** ได้ แต่ต้องคำนึงถึงข้อดีข้อเสียด้วย
สูตร **PIVOTBY** มีข้อได้เปรียบเหนือ **PivotTable** หลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการคำนวณแบบ **Dynamic** ที่ไม่ต้อง Refresh:
1. **คำนวณอัตโนมัติ** – PIVOTBY เป็น **Dynamic Array Function** ซึ่งหมายความว่าเมื่อข้อมูลต้นทางเปลี่ยนไป ผลลัพธ์จะอัปเดตทันที โดยไม่ต้องกด Refresh เหมือน PivotTable.
2. **ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง** – สามารถกำหนดโครงสร้างของผลลัพธ์ได้โดยตรงในสูตร เช่น การจัดกลุ่มข้อมูล, การใช้ฟังก์ชันสรุปผลที่หลากหลาย (SUM, AVERAGE, COUNT ฯลฯ) และการกรองข้อมูล.
3. **ลดข้อจำกัดของ PivotTable** – PivotTable มีข้อจำกัดเรื่องการอ้างอิงข้อมูล เช่น การใช้ในสูตรอื่น ๆ อาจต้องใช้ GETPIVOTDATA หรือแปลงเป็นตารางปกติ แต่ PIVOTBY สามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ได้ง่ายกว่า.
4. **เหมาะกับการทำงานแบบ Dynamic** – ถ้าต้องการให้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องกด Refresh หรือใช้ VBA, PIVOTBY จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า PivotTable.
อย่างไรก็ตาม **PivotTable ยังมีข้อดี** เช่น การจัดรูปแบบที่ง่ายกว่า, การใช้ Slicer และ Timeline เพื่อกรองข้อมูล และการรองรับการทำงานร่วมกับ Power Pivot ได้ดีขึ้น.
😊

No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.