เฉลย Sum ครับ
พอเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นสูตร Sum ว่าทำงานแบบนั้นแบบนี้ได้อย่างไร จะนำหลักไปพลิกแพลงกับสูตรใหม่ใน 365 ที่ทำงานแบบ Dynamic Array ได้สบายมาก
=Sum((Range1=111)+0) นับว่ามีกี่เซลล์ที่มีค่าเท่ากับ 111
=Sum((Range1=111)*Range2) หายอดรวมตัวเลขใน range2 ที่ตรงกับตำแหน่งของเลข 111
ถ้าใช้ Excel 2021/365 Enter ได้เลย รุ่นก่อนนั้นต้องกด Ctrl shift Enter
ถ้ามีหลายเงื่อนไข และเป็นเงื่อนไขต่างเรื่องให้จับเงื่อนไขมาคูณกัน
ถ้าเงื่อนไขเรื่องเดียวกันให้บวกกันหรือใช้ Countif ซ้อนเข้าไปจะทำงานได้เหนือกว่า SumIFS
ถ้าอยากหาตำแหน่งเซลล์ว่าอยู่ที่ row อะไรให้ใช้สูตร Row(range2) แทน range2
4 แบบนี้จะเลือกใช้แบบไหน
ปกติผมใช้ =SUMPRODUCT( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เป็นประจำ เผื่อให้ใช้กับ Excel ทุกรุ่น แค่ Enter ก็ใช้ได้ตลอด
แต่พอใช้ Excel 365 เปลี่ยนมาใช้ =SUM( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เพราะสั้นกว่า เลิก SumProduct ไปเลย
Sum ที่มี IF ผสมแทบไม่ใช้ แต่ถ้าอยากหา Count, Max, Min, Average, Small, Large หรือสูตรอื่นที่อยากใช้แบบเงื่อนไขก็จะใช้ร่วมกับ IF ซ้อนข้างในวงเล็บ
ส่วน SUMIF, SUMIFS ไม่ชอบเพราะส่วนของเงื่อนไขต้องใช้แบบ Text เช่น ">"&ค่าเงื่อนไข จะคิดถึงสูตรคู่นี้เมื่อต้องใช้ Wildcard * ? เพื่อหาบางส่วนของข้อความ
ปกติผมใช้ =SUMPRODUCT( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เป็นประจำ เผื่อให้ใช้กับ Excel ทุกรุ่น แค่ Enter ก็ใช้ได้ตลอด
แต่พอใช้ Excel 365 เปลี่ยนมาใช้ =SUM( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เพราะสั้นกว่า เลิก SumProduct ไปเลย
Sum ที่มี IF ผสมแทบไม่ใช้ แต่ถ้าอยากหา Count, Max, Min, Average, Small, Large หรือสูตรอื่นที่อยากใช้แบบเงื่อนไขก็จะใช้ร่วมกับ IF ซ้อนข้างในวงเล็บ
ส่วน SUMIF, SUMIFS ไม่ชอบเพราะส่วนของเงื่อนไขต้องใช้แบบ Text เช่น ">"&ค่าเงื่อนไข จะคิดถึงสูตรคู่นี้เมื่อต้องใช้ Wildcard * ? เพื่อหาบางส่วนของข้อความ
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.