เคยเจอสูตรที่ใช้การอ้างอิงหน้าตาแปลกๆแบบนี้ไหม
=SUM(Table1[Freight])/Table1[@Cost]
.
การอ้างอิงที่ใส่วงเล็บสี่เหลี่ยมครอบ [Freight] มาจากการนำชื่อหัวตารางด้านบนมาใช้บอกว่าให้นำข้อมูลทั้งหมดตามหัวตารางนั้นมาหายอดรวม ส่วนเครื่องหมาย @ ใน [@Cost] หมายถึงให้ใช้ค่าตรงแนว row เดียวกันของ Cost มาใช้เป็นตัวหาร และที่แน่นอนที่สุดต้องมีชื่อ Table1 กำกับไว้ด้วยว่าเป็นตารางที่เปลี่ยนไปเป็น Table ไปแล้ว
.
Table เป็นตารางที่สร้างได้ง่ายๆจากการสั่ง Insert > Table ซึ่งเกิดมาเพื่อใช้ร่วมกับ PivotTable หรือใช้ร่วมกับสูตร เพื่อทำให้การอ้างอิงขยายพื้นที่ในสูตรตามจำนวนรายการที่เพิ่มขึ้น (Dynamic Range)
.
ที่ผ่านมาพบว่าหลายคนเจอสูตรยาวเหยียดที่อ้างจากตาราง Table เพราะตัวเองไปใส่ข้อความบนหัวตารางไว้ยาวมากๆเพื่อช่วยให้คนดูรายงานเข้าใจ แต่กลับส่งผลทำให้สูตร Excel ยาวมากจนแทบแกะไม่ออก
.
ในอนาคตเป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน Excel จะใช้ข้อความบนหัวตารางทั้งด้านบนและด้านข้างมาใช้ร่วมกับ Copilot ตลอดจนสูตร Dynamic Array ทำให้เราสามารถอ้างอิงกับตำแหน่งเซลล์ที่มีความหมายในตัวได้ทันทีว่ามาจากเซลล์ตรงไหน
.
แทนที่จะทำหัวตารางตามใจ จากนี้ไปควรใส่ใจกับหัวตารางให้มากขึ้น
.
1. ใส่ข้อความที่สั้นที่สุด
2. ใส่วรรคให้น้อยที่สุด
3. ถ้าใช้บอกว่าปีไหน อย่าใส่เลขเฉยๆ ให้ใส่ข้อความกำกับด้วย เช่น Y2025
4. พยายามใช้ภาษาอังกฤษ
5. อย่าซ้ำ เช่น รวม ต้องระบุว่า รวมอะไร
การตั้งชื่อหัวตาราง (Table Headers) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดควรคำนึงถึง ความชัดเจน, ความกระชับ, และความสามารถในการอ้างอิงในสูตร โดยมีหลักการสำคัญที่ช่วยให้การออกแบบหัวตารางมีประสิทธิภาพและง่ายต่อการใช้งานใน Excel:
1. ตั้งชื่อให้สั้นและชัดเจน
- ใช้ชื่อที่ สื่อความหมายตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงคำที่คลุมเครือ เช่น
"ยอดขาย"
ดีกว่า"ข้อมูลยอดขายประจำเดือน"
- หลีกเลี่ยงการใช้คำยาวเกินไป เพราะอาจทำให้สูตรที่อ้างอิงซับซ้อนขึ้น
2. หลีกเลี่ยงช่องว่างและอักขระพิเศษ
- ช่องว่างในชื่ออาจทำให้การอ้างอิงในสูตรยุ่งยาก เช่น
"ยอดขายสุทธิ"
อาจทำให้ Excel อ้างอิงเป็น[ยอดขายสุทธิ]
- ควรใช้ underscore (_) หรือ CamelCase แทนช่องว่าง เช่น
"ยอดขาย_สุทธิ"
หรือ"ยอดขายสุทธิ"
3. ใช้ภาษาอังกฤษในกรณีที่ต้องแชร์ไฟล์
- ถ้าคุณทำงานร่วมกับทีมที่ใช้ Excel ในหลายภาษา การใช้ภาษาอังกฤษในหัวตารางช่วยให้ไฟล์เข้ากันได้ดีขึ้น
- เช่น
"Sales_Net"
ดีกว่า"ยอดขายสุทธิ"
ในกรณีที่ต้องแชร์ข้ามระบบ
4. เน้นการจัดกลุ่มข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- ใช้ชื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจ โครงสร้างของข้อมูล เช่น
หากมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า อาจใช้"Customer_ID"
และ"Customer_Name"
แทน"รหัส"
และ"ชื่อ"
5. สอดคล้องกับสูตรที่ต้องใช้
- ในกรณีที่ต้องใช้ สูตรใหม่ (Dynamic Arrays) ควรตั้งชื่อให้สอดคล้องกับกลไกของฟังก์ชัน เช่น
- ใช้
"Region"
แทน"พื้นที่ขาย"
เพื่อสะดวกต่อการใช้FILTER
หรือXLOOKUP
- ถ้าใช้ตารางสำหรับการสรุปยอด สามารถใช้
"Total_Sales"
เพื่อให้สูตรSUMIFS
อ่านค่าได้ง่าย
- ใช้
6. ทดสอบความเข้ากันได้กับสูตร
- ลองใช้
[@ชื่อคอลัมน์]
ในสูตร Structured Reference หรือทดสอบการอ้างอิงโดยใช้FILTER
,GROUPBY
,CHOOSEROWS
เพื่อให้แน่ใจว่าหัวตารางรองรับการประมวลผล
การตั้งชื่อหัวตารางให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้การอ้างอิงในสูตรมีความแม่นยำ แต่ยังช่วยให้ ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นและลดข้อผิดพลาดในระยะยาว
คุณมีรูปแบบการตั้งชื่อที่ใช้เป็นมาตรฐานอยู่แล้วหรือเปล่า? หรือกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในตารางงานของคุณอยู่?
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.