03 December 2025

ทำไมต้องขึ้นเงินเดือนให้คนที่ใช้ Excel แต่ไม่ต้องมากเท่าคนที่ใช้แอปอื่นก็ได้

ปลายปีนี้กำลังพิจารณาขึ้นเงินเดือนปรับเงินเดือนให้กับพนักงานกันอยู่ใช่ไหม อย่าลืมเงื่อนไขนี้ด้วยนะครับ ต้องใช้ดูว่าจะต้องปรับให้ใครมากน้อยเท่าไร

"ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
"กว่าจะรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้ ก็สายเกินไปเสียแล้ว"

ดูให้ดีๆว่าบริษัทของคุณ งานที่ทำอยู่นั้น เดินด้วยคนหรือเดินด้วยระบบ รายงานที่ดูอยู่ทุกวันนั้นสร้างมาจากโปรแกรมสำเร็จรูป หรือได้มาจาก Excel หรือได้มาจากการใช้ VBA หรือแอปใหม่ๆอย่าง Power Query, Power Pivot, Power BI

ถ้าระบบดีก็ไม่ต้องพึ่งคนทำให้นักหรอก เขาจะอยู่หรือจะไปก็ยังใช้คนอื่นทำให้ได้ แต่ถ้าไม่มีระบบ งานทุกอย่างทำด้วยคน ต้องเลี้ยงคนดูแลลูกน้องให้ดี อย่าปล่อยให้เขาลาออก

ทดสอบแบบนี้ดูนะครับ ลองให้พนักงานลาพักร้อนไปสักพัก ดูว่างานที่ทำกันอยู่ยังเดินไปด้วยดีไหม

แล้วทำไมคนที่ใช้ Excel จึงไม่ต้องขึ้นเงินเดือนเท่ากับคนที่ใช้แอปอื่นล่ะ

เพราะแฟ้ม Excel ที่มีหน้าตาเป็นตารางนั้นน่ะ ยังพอให้คนอื่นเปิดขึ้นมาดูแล้วแกะที่ไปที่มาได้อยู่ แต่ถ้าดูแฟ้มแล้วไม่มีทางทราบได้เลยว่า ตัวเลขเหล่านั้นหามาได้ยังไง ใช้ VBA หรือ Power Pivot, Power Query, หรือ Power BI ด้วยหรือเปล่า แสดงว่างานนั้นๆขึ้นกับฝีมือคนสร้างคนนั้นคนเดียว ต้องให้เงินเดือนเยอะมากหน่อยแล้วล่ะครับ

บริษัทของคุณต้องพึ่งเขาเหล่านั้นไปตลอดทีเดียวนะ

+++++++++++++++++++++++++++++

Copilot เสริม 

คำถามนี้น่าสนใจมากเลยครับ 😊 เพราะจริง ๆ แล้วการ “ขึ้นเงินเดือน” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใช้ Excel หรือใช้แอปอื่น แต่ขึ้นอยู่กับ คุณค่าที่งานนั้นสร้างให้กับองค์กร

ลองมองแบบนี้:

💡 เหตุผลที่คนใช้ Excel ก็ควรได้ขึ้นเงินเดือน

  • Excel เป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่ทรงพลัง
    คนที่ใช้ Excel เก่ง ๆ สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ลดความผิดพลาด และสร้างระบบที่ช่วยทีมทั้งองค์กร
  • ความสามารถเชิงลึกมีมูลค่า
    ถ้าใช้แค่ตารางธรรมดา อาจไม่ต่างจากแอปทั่วไป แต่ถ้าใช้ Power Query, Power Pivot, หรือ LAMBDA (เหมือนสูตร Key ที่คุณออกแบบไว้) นี่คือการสร้าง workflow ที่ยืดหยุ่นและลดต้นทุนระยะยาว
  • ต้นทุนการเรียนรู้ต่ำ แต่ผลลัพธ์สูง
    Excel มีอยู่แทบทุกเครื่อง ไม่ต้องลงทุนซื้อซอฟต์แวร์ใหม่ แต่ถ้ามีคนที่ใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ ก็เหมือนมี “เครื่องจักรลับ” ที่ทำงานแทนทีมได้ทั้งก้อน

🤔 ทำไมอาจไม่ต้องขึ้นมากเท่าแอปอื่น

  • ตลาดแรงงานให้คุณค่าต่างกัน
    ทักษะ Excel ถือเป็น “expected skill” ที่หลายตำแหน่งต้องมีอยู่แล้ว ในขณะที่บางแอปเฉพาะทาง (เช่น ERP, CAD, หรือ BI tools) มีผู้เชี่ยวชาญน้อยกว่า ทำให้ค่าตัวสูงกว่า
  • การเปรียบเทียบกับเครื่องมือใหม่
    ถ้าองค์กรลงทุนในระบบใหม่ ๆ เช่น Tableau, SAP หรือ Python-based analytics คนที่เชี่ยวชาญเครื่องมือเหล่านี้อาจถูกมองว่ามี “rare skill” ที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อดึงดูดและรักษาไว้
  • ** perception ของผู้บริหาร**
    บางครั้ง Excel ถูกมองว่าเป็น “เครื่องมือพื้นฐาน” แม้จะทำงานได้ลึกมาก แต่ perception นี้ทำให้การขึ้นเงินเดือนอาจไม่สูงเท่าคนที่ใช้เครื่องมือที่ดู modern หรือ specialized

สรุปคือ คนใช้ Excel เก่ง ๆ ควรได้ขึ้นเงินเดือนแน่นอน เพราะเขาสร้าง productivity และลดต้นทุน แต่การขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าองค์กรให้คุณค่ากับ “ความเชี่ยวชาญเชิงลึก” แค่ไหนเมื่อเทียบกับทักษะที่หายากกว่าในตลาดแรงงานครับ

คุณคิดว่าถ้าองค์กรเข้าใจคุณค่าของ “การออกแบบ reusable solution” แบบนี้ เขาควรให้ค่ามากกว่าการใช้แอปใหม่ ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะคุ้มทุนหรือเปล่าไหมครับ?

++++++

สิ่งที่คุณเขียนนี่เป็นเหมือน “บททดสอบความจริงใจขององค์กร” เลยครับ ✨
มันสะท้อนให้เห็นว่า การปรับเงินเดือนปลายปีไม่ควรดูแค่ตำแหน่งหรือเครื่องมือที่ใช้ แต่ต้องดูว่า งานนั้นพึ่งระบบหรือพึ่งคน

🔍 หลักคิดที่คุณยกมา

  • ถ้างานเดินด้วยระบบ → คนใหม่เข้ามาก็ทำต่อได้ ไม่ต้องพึ่งคนเดิมมากนัก → การขึ้นเงินเดือนอาจไม่ต้องสูงมาก
  • ถ้างานเดินด้วยคน → ไม่มีระบบรองรับ ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว → ต้องดูแลเขาให้ดี เพราะถ้าเขาลาออก งานหยุดทันที

🧩 ตัวอย่างการทดสอบ

  • ให้พนักงานที่ดูแลระบบ/รายงาน ลาพักร้อนไปสักระยะ → ถ้างานยังเดินได้ แสดงว่ามีระบบรองรับ
  • ถ้างานสะดุดทันที → แสดงว่าพึ่งพาคนคนนั้นเต็ม ๆ → ต้องให้ค่าตอบแทนสูงขึ้นเพื่อรักษาไว้

💼 ทำไม Excel จึงถูกมองต่างจากแอปใหม่ ๆ

  • Excel ธรรมดา → ตารางยังพอแกะได้ คนอื่นเปิดแล้วเข้าใจที่มาที่ไป
  • Excel ขั้นสูง (VBA, Power Query, Power Pivot, Power BI) → กลายเป็น “ระบบที่ซ่อนอยู่ในแฟ้ม” คนอื่นเปิดแล้วไม่รู้ว่าตัวเลขมาจากไหน → งานขึ้นกับฝีมือคนสร้างเต็ม ๆ
  • ดังนั้น คนที่สร้างระบบซับซ้อนเหล่านี้คือ “เสาหลัก” ที่องค์กรต้องพึ่งพา → เงินเดือนควรสะท้อนความสำคัญนั้น

สิ่งที่คุณกำลังชี้ให้เห็นคือ องค์กรต้องแยกให้ออกว่าใครคือคนที่ทำงานแทนระบบ และใครคือคนที่ทำงานบนระบบ

  • คนทำงานแทนระบบ = ต้องดูแลเป็นพิเศษ
  • คนทำงานบนระบบ = ยังมีทางเลือกให้คนอื่นเข้ามาทำแทนได้

ผมชอบที่คุณใช้ประโยค “ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก” เพราะมันตรงกับความจริงในหลายบริษัทเลยครับ — กว่าจะรู้ว่าคน ๆ หนึ่งคือหัวใจของงาน ก็มักจะสายเกินไปแล้ว

คุณอยากให้ผมช่วย ออกแบบ checklist สำหรับผู้บริหาร ไว้ใช้ประเมินว่าใครคือ “เสาหลักที่ต้องดูแล” และใครคือ “คนที่ระบบรองรับได้” ไหมครับ? จะได้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจปรับเงินเดือนปลายปีให้ชัดเจนขึ้น

+++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณพูดได้ตรงจุดมากครับ Somkiat ✨
สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ คือ perception ของผู้บริหาร ที่มักจะมอง Excel เป็นเพียง “เครื่องมือพื้นฐาน” ทั้งที่ในความเป็นจริงมันคือ ระบบที่ซ่อนอยู่ในแฟ้ม ซึ่งมีความซับซ้อนและพึ่งพา “คนสร้าง” อย่างมหาศาล

🔎 ทำไม perception นี้จึงอันตราย

  • ลดคุณค่าของทักษะที่แท้จริง → ผู้บริหารบางคนคิดว่าใคร ๆ ก็ใช้ Excel ได้ แต่ไม่เห็นว่าการสร้างแฟ้มที่มีสูตรซับซ้อน, VBA, Power Query, Power Pivot คือการสร้างระบบที่แทน software ได้ทั้งตัว
  • ทำให้การปรับเงินเดือนผิดทิศทาง → คนที่สร้างระบบ Excel ขั้นสูงอาจถูกมองว่า “ทำงานพื้นฐาน” ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาคือ backbone ของงานรายวัน
  • เสี่ยงต่อการสูญเสียคนสำคัญ → ถ้า perception นี้ไม่เปลี่ยน คนที่ถือ “กุญแจแฟ้ม” อาจลาออก แล้วองค์กรจะเจอปัญหาทันที

🧩 ความยากที่คุณชี้ให้เห็น

  • ต้องแกะ ทุกเซลล์ ทุกชีท ทุกสูตร → ไม่ใช่แค่เปิดแฟ้มแล้วเข้าใจทันที
  • มี Hidden sheets, cross-sheet links, cross-file links → ทำให้การ reverse engineer ยากมาก
  • แฟ้มเก่า = ระบบที่ฝังอยู่ในองค์กร → การแทนที่ไม่ใช่แค่สร้างใหม่ แต่ต้องเข้าใจ logic ที่สะสมมานาน

💡 วิธีเปลี่ยน perception ของผู้บริหาร

  • สื่อสารด้วยการทดสอบจริง → ให้ผู้บริหารลองใช้แฟ้มที่ไม่มีคนสร้างคอย support แล้วดูว่างานเดินหรือไม่
  • เปรียบเทียบต้นทุนเวลา → แสดงให้เห็นว่าการสร้างแฟ้มใหม่ใช้เวลามากกว่าการจ่ายเงินเดือนเพิ่มให้คนที่ดูแลแฟ้มเดิม
  • วางกรอบว่า Excel = ระบบ → ไม่ใช่แค่ตาราง แต่คือ workflow automation ที่องค์กรพึ่งพาอยู่ทุกวัน

ผมว่าประเด็นนี้คุณสามารถทำเป็น infographic สำหรับผู้บริหาร ได้เลยนะครับ เช่น “Excel ไม่ใช่ตาราง แต่คือระบบที่ซ่อนอยู่” แล้วโชว์ภาพเปรียบเทียบระหว่างแฟ้มที่แกะง่ายกับแฟ้มที่เต็มไปด้วยสูตร, VBA, และลิงก์ข้ามแฟ้ม เพื่อให้ perception เปลี่ยนจาก “พื้นฐาน” เป็น “critical system”

อยากให้ผมช่วยออกแบบโครงร่าง infographic แบบนี้ไหมครับ — ที่เล่าเรื่องจากมุมมองผู้บริหารว่า “ถ้าคนนี้หายไป ระบบจะหยุดทันที” จะได้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังมาก

 

 

 

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.