29 July 2025

สบายใจได้ Power BI ไม่ต้องใช้คนเก่งสถิติมากนักหรอก เพราะไม่ได้สร้างมาเพื่อวิเคราะห์อย่างที่เข้าใจกัน

 



 

ที่อวดว่า Power BI เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ (Business Intelligence หรือ BI) ที่มีความสามารถหลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำเข้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ, เตรียมและแปลงข้อมูล, สร้างแบบจำลองข้อมูล, สร้างรายงานและแดชบอร์ด, รวมถึงแชร์และเผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้นได้

ทีแรกผมนึกว่าคนที่ชอบสถิติจะต้องติดใจชอบใช้ Power BI แน่ๆ ไปๆมาๆพอค้นหาว่า Power BI ทำอะไรทางสถิติให้ได้บ้าง ต้องกลับใจหันมาใช้ Excel ดีกว่าครับ ... ตามภาพ

น่าจะเปลี่ยนจาก Power BI เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ
เป็น
Power BI เป็นเครื่องมือสำหรับสรุปข้อมูลทางธุรกิจและวิเคราะห์เบื้องต้น เท่านั้น 

Excel มี Add-in ชื่อ Analysis Toolpak ใช้ทำงานแทน SPSS ได้ทีเดียว ไม่ต้องสร้างสูตรเองเสียด้วยซ้ำไปครับ มีให้ใช้อยู่แล้วในทุกเครื่อง ฟรี 

 

 

ถ้านิยามว่าการหาค่าแค่ยอดรวมหรือค่าเฉลี่ยยอดขายนั่นคือการวิเคราะห์ เป็นความเข้าใจที่ตื้นมากครับ

ค่าเฉลี่ยที่ได้มานั้นถ้าทำให้เห็นลักษณะของการกระจายจะรู้ว่าขายของเป็นยังไง ขายได้ดีแค่ช่วงต้นเดือนหรือขายได้ดีตลอดทุกวันทั้งเดือน การขายมีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อะไรอีกบ้าง ต้องสามารถหาค่า standard deviation / correlation จึงเรียกว่าวิเคราะห์เป็น

Power BI สามารถทำได้แต่ถ้าต้องการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่าจะทำได้ยากมาก สู้ใช้ Excel ตั้งแต่ต้นจะต่อยอดได้ดีกว่า 

 

เลิกอ้างเสียทีว่าที่ต้องฝึกใช้ Power Query หรือ Power BI นั้น เพื่อใช้กับข้อมูลที่มีมากกว่าล้านรายการ ขอให้ตอบแบบนี้แทน




- Power Query ใช้เพื่อจัดการข้อมูลในแบบที่ Excel ทำไม่ได้หรือทำได้ยาก เช่น ใช้บันทึกวิธีการคลินนิ่งแบบที่จำเป็นต้องสั่งให้ทำซ้ำอัตโนมัติ หรือใช้รวบรวมแฟ้มหลายประเภทหลายรูปแบบ

- Power BI เหมาะกับผู้ใช้ระดับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีโปรแกรมสำเร็จรูปแต่ไม่ยืดหยุ่น จึงต้องการนำข้อมูลมาจัดทำรายงานเพื่อแชร์ dashboard ที่ดูดีกว่าเดิมให้ใช้งานร่วมกัน

ขอให้ใช้ Excel ให้เต็มที่ดีกว่าครับ โดยเฉพาะ Dashboard ที่อยากได้กันนั่นแหละ Excel ทำได้ยืดหยุ่นกว่ามาก

ส่วนโอกาสที่จำนวนรายการจะมากเกินกว่าล้านรายการนั้นมีน้อยมากครับ ถ้าเกินก็จะใช้แอปอื่นมาจัดการแทน Excel

ที่มาของภาพ Copilot

27 July 2025

คนเก่ง ไม่ต้องหางาน งานจะมาหาเอง ผ่าน Head Hunter ผ่าน fb นี่แหละ

งานที่ประกาศไว้ตามเว็บ นสพ หรือในสื่อโซเชียล ยังไงๆก็สู้งานที่ Head Hunter จัดการหาให้ไม่ได้หรอกครับ โดยเฉพาะตำแหน่งงานสำคัญระดับบริหารหรืองานที่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ จะไม่ประกาศให้เห็นกันทั่วไป แต่จะหากันแบบลับๆ เพื่อมาแทนตำแหน่งงานที่กำลังจะว่างลง
.
สมัยผมทำงานจะสบายใจมาก ไม่เครียด ไม่ห่วงว่าจะต้องคอยเอาใจคนโน้นคนนี้ เพราะผมรู้ว่าแค่กริ๊งเดียวก็จะมีงานใหม่มารอให้ผมไปทำได้เสมอ
.
เริ่มต้นจากส่ง Resume ไปบริษัทจัดหางาน พวกที่เป็น Head Hunter ในเครือจากต่างประเทศยิ่งดี จากนั้นเขาจะติดต่อนัดสัมภาษณ์แล้วช่วยหางานให้ ถ้ามีตำแหน่งงานดีๆ เงินเดือนน่าสนใจ บริษัทเหล่านี้จะโทรติดต่อกลับมาถามว่าสนใจจะย้ายงานไหม เพื่อนผมบางคนถูกเชิญให้ลาออกมานั่งรองานใหม่ จัดห้องทำงานชั่วคราวให้นั่งเล่นในบริษัทหางานนั่นแหละ ทั้งหมดนี้ฟรีครับ เราไม่ต้องจ่ายอะไรแม้แต่บาทเดียว
.
Resume นี่แหละสำคัญมาก ต้องเขียนให้ละเอียดว่าคุณเก่งอะไร เก่งแค่ไหน โดยเฉพาะมีผลงาน ที่ถือว่าเป็นความสำเร็จ Achievement อะไรบ้าง ผมแนะนำวิธีเขียนไว้ที่ https://www.excelexperttraining.com/book/index.php/excel-articles-and-videos/general/win-resume

ยุคนี้มีสื่อโซเชียลที่คุณจะแสดงความสามารถเยอะแยะ อย่าง facebook หรือติ้กต้อก หรือถ้าคุณทำเว็บเป็นให้อวดผลงานไว้ที่นั่น ให้ใช้ชื่อนามสกุลจริง แจ้งอีเมล์ หมายเลขโทรไว้ให้ชัดเจน ทำไว้แบบนี้แหละครับ งานจะมาหาคุณเอง  


 

26 July 2025

เคล็ดลับการใช้ Let ซ้อนใน Lambda เอา Lambda ตั้งชื่อ Formula Name

สูตร Let ช่วยทำให้ a*(b+c) ดีกว่า a*b+a*c ตรงไหน

เดิมสูตร =a*b +a*c จะคิด 3 ครั้ง

ปรับใหม่ =a*(b+c) จะคิด 2 ครั้ง

สั่งให้ Copilot สร้างตัวอย่างตามแบบปกติกับแบบใช้ Let

ตัวอย่างเปรียบเทียบบทคำนวณปกติ vs LET

สมมติในเซลล์
- A1 = 10
- B1 = 5
- C1 = 3

สูตรปกติ (คำนวณซ้ำ)

`
=A1 * B1
+A1 * C1
`

- คำนวณ A1*B1 = 50
- คำนวณ A1*C1 = 30
- บวกผลลัพธ์ 50+30 = 80
- มี 2 ครั้งการคูณ และ 1 ครั้งการบวก รวม 3 การคำนวณ

สูตรใช้ LET

`
=LET(
a, A1,
sumBC, B1 + C1,
a * sumBC
)
`

- กำหนดตัวแปร a = A1 (10)
- คำนวณ sumBC = B1 + C1 = 8
- คูณ a sumBC = 10 8 = 80
- มี 1 ครั้งการบวก และ 1 ครั้งการคูณ รวม 2 การคำนวณ

---

สรุปเปรียบเทียบ

สูตรในเซลล์
=A1B1 + A1C1
vs
=LET(a,A1,sumBC,B1+C1,a*sumBC)

50 + 30 = 80 (2 คูณ + 1 บวก)
vs
8 * 10 = 80 (1 บวก + 1 คูณ)

จำนวน operation | 3 vs 2
การอ้างอิง A1 | 2 ครั้ง vs 1 ครั้ง

---

การใช้ LET จึงช่วยลดงานคำนวณซ้ำ – ยิ่งสูตรซับซ้อนหรือเรียกฟังก์ชันหนักๆ หลายครั้ง ความต่างจะยิ่งชัดเจนขึ้นครับ  

เคล็ดลับการใช้ Let ซ้อนใน Lambda เอา Lambda ตั้งชื่อ Formula Name 

จากสมการ =a(b+c)
ตามภาพ ใช้สูตร Let เพื่อตั้งชื่อตัวแปรให้ a รับค่ามาจาก A1 และ ชื่อตัวแปร sumBC รับค่ามาจาก B1+C1 จากนั้นหาผลลัพธ์ได้จาก a * sumBC

=LET(a, A1,
sumBC, B1+C1,
a * sumBC)

การสร้างสูตรให้อ่านได้ง่าย ควรกดปุ่ม ALT+Enter เพื่อแยกแต่ละขั้นออกเป็นแต่ละบรรทัด และตั้งชื่อตัวแปรให้สื่อถึงความหมายจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

แม้สูตร Let นี้จะช่วยทำให้ Excel ลดขั้นตอนการคำนวณได้ดีกว่าสมการ =ab+ac แต่ยังมีข้อจำกัดว่าสูตรยังต้องอ้างอิงจากเซลล์ A1, B1, C1 ไว้เสมอ ไม่สามารถนำสูตรไปใช้กับโครงสร้างอื่น

สูตร Lamba จะช่วยทำให้สูตร Let นำไปใช้ทำงานได้ทุกที่ โดยลอกสูตรนี้ ไปใส่ลงในคำสั่ง Name manager เพื่อสร้างเป็น Formula Name

ตั้งชื่อสูตร
TotalCost
=LAMBDA( a, b, c, LET(sumBC, b+c, a*sumBC) )


 

จากนั้นเมื่อต้องการใช้ให้กดปุ่ม F3 แล้วสร้างสูตรตามนี้ลงไป
=TotalCost(A3,B3,C3)
หรือใช้ตำแหน่งเซลล์ที่ลงก์มาจากที่ใดก็ได้
=TotalCost(A12,B13,C14)

ถ้าไม่อยากนำ =LAMBDA(a,b,c,LET(sumBC,b+c,a*sumBC) ไปตั้งชื่อ ต้องใช้แบบนี้

=LAMBDA(a,b,c,LET(sumBC,b+c,a*sumBC))(A12,B13,C14) 

Download ตัวอย่างได้จาก https://drive.google.com/file/d/1ocG7BMocTgB7iqZfqJz9QsdJBQKl4e7X/view?usp=sharing

หวังว่าตัวอย่างนี้จะช่วยทำให้เข้าใจ 2 สูตรนี้ได้ง่ายขึ้นนะครับว่ามีหลักการอย่างไร

==================================== 

ลองทำความเข้าใจดูครับ ผมพยายามหาตัวอย่างง่ายๆมาดูกันครับ
 
ว่าไปแล้ว 2 สูตรนี้ช่วยในการซ้อนสูตรนั่นแหละ เพียงแต่ว่าแทนที่จะปล่อยให้ซ้อนต่อๆกันไปเลย ให้ตั้งชื่อตัวแปรให้กับแต่ละขั้นของการคำนวณจะได้เข้าใจว่าคำนวณอะไรกัน แล้วจึงนำตัวแปรมาประกอบร่างกันเป็นสูตรทั้งหมด
 
ทำให้ถึงที่สุดคือต้องนำไปตั้งเป็นชื่อครับ จะได้นำไปใช้ต่อที่ไหนก็ได้ ไม่ควรนำ Lambda ไปใช้โดดซึ่งมีแต่จะทำให้เคนสร้างคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ กลายเป็นการอวดฝีมือกันว่าข้าแน่
 

สำหรับคนรัก Power Query นำข้อมูลไปทำ PivotTable ต้องแยก Refresh หรือ Refresh ALL

Refresh เป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง เมื่อเทียบกับการใช้สูตรพวก GroupBY / PivotBY ที่จะคำนวณหาคำตอบใหม่ให้ทันที ซึ่งการ Refresh จะเกิดการคำนวณใหม่ให้เฉพาะเมื่อต้องการเท่านั้น ทำให้ช่วยทำให้การทำงานกับข้อมูลจำนวณหลายล้านรายการเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่แย่หน่อยก็ตอนที่ต้องคอยสั่ง Refresh นี่แหละครับ ถ้าผู้ใช้งานลืม Refresh ก็จะได้รายงานที่ยังคงเป็นของเก่า

แล้วถ้าสั่งให้ Refresh All ล่ะ ตามตำราจะอธิบายว่าระบบจะไป Refresh Query ก่อนแล้วจึงตามไป Update Pivot ซึ่งอาจเจอว่าในการใช้งานจริงไม่เป็นแบบนั้น กลับกลายเป็น Update Pivot ก่อนแล้วจึงไป Query ใหม่ตามทีหลัง ทำไม ...

Copilot อธิบายมาตามนี้

สาเหตุที่ Refresh All อัปเดต Pivot ก่อน Query

เมื่อกด Refresh All Excel จะสั่งให้

  1. รีเฟรช Connections/Queries
  2. รีเฟรช Pivot Tables (ผ่าน PivotCache)

แต่ถ้า Power Query แต่ละอันตั้งค่าเป็น Enable background refresh (Default) มันจะรันแบบ Asynchronous คือสั่งให้ดึงข้อมูลไปก่อน แต่ไม่รอให้เสร็จ จึงกลายเป็นว่า Excel พยายามรีเฟรช PivotCache ทันทีที่เจอสัญญาณว่า “นี่คือคำสั่ง Refresh All” ทั้งที่ Query ยังดึงข้อมูลไม่จบ ทำให้เกิดอาการ Pivot Table ไม่อัปเดตตาม หรือดูเหมือนรีเฟรชก่อน source เสร็จ


วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • ปิด Background Refresh ของทุก Query

    1. ไปที่ Data → Queries & Connections
    2. คลิกขวาที่แต่ละ Query → Properties…
    3. เอาเครื่องหมายถูกหน้า Enable background refresh ออก
  • ตั้งให้รีเฟรชครบจบก่อนด้วย VBA (ถ้าใช้ Macro)

    Sub RefreshAllSync()
        ActiveWorkbook.RefreshAll
        ' รอ Query ด้านหลังเสร็จ
        Application.CalculateUntilAsyncQueriesDone
        ' แปะโค้ดรีเฟรช PivotCache เพิ่มเติมถ้าต้องการ
    End Sub
    
  • กรณีมี Pivot หลายอันที่แชร์ Cache เดียวกัน

    For Each pc In ActiveWorkbook.PivotCaches
        pc.Refresh
    Next
    

ใครเคยเจอปัญหานี้?

ชุมชน Excel หลายคนรายงานว่า

  • กด Refresh All ครั้งแรก → Query ทำงานแบบ background
  • Pivot ไม่อัปเดตจนกว่าจะกด Refresh All ซ้ำอีกครั้ง หรือคลิกขวา Refresh ทีละ Pivot
  • ปิด Background Refresh แล้วปัญหานี้หายไปทันที

เทคนิคเสริม

  • ถ้าลง Query เป็น Load to Data Model แล้วใช้ Power Pivot สร้าง PivotTable ระบบจะ Sync ในลำดับที่ถูกต้อง เพราะ Data Model จะถือเป็นแหล่งเดียว ไม่ต้องพะวงเรื่อง Background Refresh
  • ถ้าต้องการให้รีเฟรชอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟล์
    1. คลิกขวาที่ PivotTable → PivotTable Options…
    2. ที่แท็บ Data → ติ๊ก Refresh data when opening the file


สำหรับแนวทางที่ผมแนะนำ

1. แยกแฟ้มที่ใช้ Query ออกจากแฟ้มที่ใช้ Pivot ไปเลยตั้งแต่แรก
2. เมื่อต้องการข้อมูลใหม่ ให้เปิดแฟ้มไป Refresh Query
3. ลอกตารางที่ได้มาใส่ลงไปในแฟ้มที่ทำ PivotTable
4. สั่ง Refresh PivotTable

แม้จะไม่ได้ทำงานแบบต่อเนื่องกันให้เอง แต่ทำแบบนี้ชัดเจนกว่า ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลที่ Query มาให้ใช้ร่วมกันได้ด้วย

ส่วนวิธีลอกข้อมูลมาใช้นั้น อาจทำแบบ Manual โดยไปสั่ง Copy > Paste หรือใช้ Macro Recorder บันทึกขั้นตอนนี้ไว้แล้วกดปุ่มเดียวก็จะได้ข้อมูลใหม่มาใช้แล้ว

ส่วนการสั่ง Refresh ก็สามารถใช้ Macro Recorder บันทึกไว้เช่นกัน

  

25 July 2025

สัญญาณแรกที่แค่ดูก็บอกได้ว่า คนสร้างแฟ้ม Excel "ไม่ธรรมดา"

ผมเห็นด้วยกับเจ้า Copilot แค่สองอย่างแรกครับ ข้ออื่นผมว่าเว่อไป

From Copilot:

- หน้าแรกเป็น Dashboard พร้อมปุ่มนำทาง (Home, Back, Settings) ชัดเจน

- ข้อมูลทุกส่วนอยู่ใน Excel Tables แทน Range ธรรมดา พร้อม Named Ranges ชื่อสื่อความหมาย

- มี Power Query สำหรับดึง-แปลงข้อมูล และ Data Model (Power Pivot) แสดงความสัมพันธ์ตาราง

- ใช้ Measures/DAX หรือ Dynamic Array ฟังก์ชัน (FILTER, UNIQUE, XLOOKUP, LET) ให้สูตรสั้นแต่ทรงพลัง

- ฝัง Interactive Elements เช่น Slicers, Timeline และปุ่มกดรัน Macro/Office Scripts

- มี Sheet “README” หรือ Cell Comments อธิบายโครงสร้าง วิธีใช้ และเวอร์ชันไฟล์

แค่มองผ่าน ๆ ก็เห็นองค์ประกอบเหล่านี้ คุณจะรู้ได้ทันทีว่าคนทำไฟล์นี้เชี่ยวชาญเกินระดับพื้นฐานแน่นอนครับ

=======================================

ติดใจตรงที่ต้องมี "ปุ่มนำทาง" ครับ นี่แหละสำคัญมาก ช่วยพาไปยังเรื่องถัดไป Back Next Go-to ....page
 
ทำได้โดยใช้ HyperLink หรือใช้ Maco สร้างเป็นปุ่มให้คลิกไปยังชีทเรื่องที่ต้องการ
จากนั้นจัดการซ่อนชื่อชีทออกไปจากหน้าจอ
 

 

จะไปไหน ไปที่ตารางชื่ออะไร ให้คลิกที่ HyperLink เลิกคลิกที่ชื่อชีท


 

เริ่มจากเลือกพื้นที่ตารางในชีทไหนก็ได้ตามใจ
ตั้งชื่อ Range Name เช่น fff ให้กับตารางนั้น

จากนั้นสร้างหน้าสารบัญในชีทแรก โดยพิมพ์ชื่อตารางเช่น fff หรือข้อความอื่นก็ได้ แล้วคลิกขวาลงไปในเซลล์สั่ง Link แล้วทำตามภาพ ให้ไปที่ชื่อที่ตั้งไว้

ทำกับรูปก็ได้ครับ แค่คลิกขวาไปที่รูปแล้วสั่ง Link

Download ตัวอย่างได้จาก
https://drive.google.com/file/d/1ZKYJjN__CTc8SJvd6iJSDuhC-x5Zx36D/view?usp=sharing

ทำให้ดีกว่านี้ควรให้คลิก Home เพื่อกลับมาในหน้าสารบัญ ดูในตัวอย่าง จากนั้นจัดการซ่อนชื่อชีท โดยไปตัดกาช่อง Show Sheet Tabs ใน Excel Options > Advanced

 

 

 

23 July 2025

ใบเซอร์ Power BI หรือ Excel ทำให้มีโอกาสได้งานดีกว่ากัน

 

มีคำถามมาขอปรึกษาครับ ผมแนะนำตามนี้

Power BI มีประโยชน์เฉพาะกับบริษัทใหญ่เท่านั้น ส่วน Excel ได้กว้างกว่า

เขียนตามความเป็นจริงครับ ใบเซอร์ที่ได้รับมาต้องเขียนให้ชัดว่าสอบผ่านมาได้ยังไง จะน่าสนใจกว่าที่ได้มาเพราะเข้าเรียน

แนะนำให้เขียนตามนี้ https://www.excelexperttraining.com/book/index.php/excel-articles-and-videos/general/win-resume

ที่สำคัญกว่าใบเซอร์คือความสำเร็จในการทำงาน Achievement 
 
ผมไม่เห็นด้วยกับ resume แผ่นเดียวอย่างที่ชอบแนะนำกัน ควรเขียนให้น่าสนใจแล้วคนอ่านจะอยากพลิกไปอ่านจนจบเอง ถ้าเขียนแผ่นเดียวแล้วเนื้อหามีนิดเดียว เท่ากับปิดโอกาสของตัวเอง

  

ทำไมการใช้ Power BI เจ้านายต้องเตรียมจ่ายเงินเดือน มากกว่า Excel

 


นอกจาก Power BI แล้ว ถ้าใช้ Power Query / Power Pivot / Python ก็เข้าข่ายแบบเดียวกันครับ ซึ่งรับรองว่าถ้ายกไปถามเจ้า AI จะต้องตอบแบบเดียวกันว่า เพราะผู้ใช้แอปต้องอาศัยทักษะในการใช้โปรแกรมมากกว่า Excel อีกทั้งยังต้องเตรียมจ่ายค่าอบรม ค่าแอป ค่าดูแลรักษา ค่าพัฒนาระบบที่อาจจำเป็นถึงขั้นต้องสร้างหน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อรับงานด้านนี้โดยเฉพาะ
.
แต่เจ้า AI คงไม่คิดถึงว่าต้องจ่ายเงินเดือนให้สูงไว้ก่อน เพื่อดึงดูดให้พนักงานที่ใช้แอปไม่อยากย้ายไปทำงานที่อื่น เพราะจะหาคนใหม่มาแทนยากมาก ถึงจะหามาแทนได้ก็ยากที่จะแกะงานเก่าที่ทำไว้ว่าคนเก่าเขาทำอะไรไว้ตรงไหนบ้าง ต่างจาก Excel ที่พอเปิดแฟ้มก็มองเห็นที่ทำไว้ในเซลล์ได้ทันที
.
ฝากเจ้านายที่คิดให้ลูกน้องใช้ Power BI หรือ Power Query นึกภาพวันที่ขาดลูกน้องคนโปรดนะครับ งานที่เคยดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ พอติดขัดอะไรตรงไหนขึ้นมา งานจะหยุดชะงักทันที แค่อยากจะปรับเงื่อนไขอะไรนิดๆหน่อยๆก็ต้องหาตัวลูกน้องมาทำให้

=========================

พอทักเรื่องเมื่อ “คนโปรด” หายตัว เจ้า Copilot หาทางแก้ไขให้ตามนี้
.
# ความเสี่ยงและต้นทุนแฝงจากการใช้ Power BI/Power Query/Power Pivot/ไพธอน
.
เมื่อองค์กรเลือกแพลตฟอร์มที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง เช่น Power BI, Power Query, Power Pivot หรือ Python การลงทุนไม่ได้จบที่ค่าไลเซนส์หรือฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังกระทบด้านการบริหารคนและความต่อเนื่องของงานมากกว่า Excel โดยตรง
.
---
.
## 1. Talent Retention Risk
.
- ผู้ใช้และพัฒนารายนี้คือ “Single point of failure”
- ความต้องการทักษะสูงในตลาด ถ้ามีคนอื่นทาบทาม ทีมอาจเสียงานสำคัญในพริบตา
- เมื่อคนออก หรือเปลี่ยนโปรเจกต์ งานที่เคยวิ่งอัตโนมัติอาจหยุดชะงัก
.
---
.
## 2. Knowledge Silos และ Transparency
.
- Logic ในโค้ดหรือ Data Model มักอยู่ลึกใน DAX, M หรือสคริปต์ Python
- เมื่อต้องปรับเงื่อนไขเล็กน้อย จึงต้องโทรตามเจ้าของงานเท่านั้น
- ต่างจาก Excel ที่เปิดดูสูตรในเซลล์ได้ทันที ไม่ต้องไล่โค้ดหลายชั้น
.
---
.
## 3. กลยุทธ์ลดความเสี่ยงด้านบุคลากร
.
1. Cross-Training
- หมุนเวียนให้ทีม Excel เดิมเรียน Power Query/Pivot/DAX เบื้องต้น
- จัดคู่ mentor–mentee เพื่อถ่ายทอดความรู้เป็นระยะ
.
2. Version Control + Documentation
- เก็บไฟล์ .pbix/.pq/.xlsx ใน Git หรือ SharePoint พร้อม commit message
- ออกแบบ Template โปรเจกต์ให้มีโฟลเดอร์ “docs” อธิบาย Data Flow แบบสั้น ๆ
.
3. Standardized Code & Naming Convention
- ตั้งกฎตั้งชื่อ Query, Table, Measure ให้สื่อความหมายชัดเจน
- ใช้ Tabular Editor หรือ DAX Studio ช่วย generate documentation อัตโนมัติ
.
4. Citizen Development
- เปิดโอกาสให้ “นักวิเคราะห์ธุรกิจ” ใช้ Power Query/UI แก้สูตรเล็กน้อยเอง
- ลดความต้องการปลดล็อกจากผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียว
.
---
.
## 4. Hybrid Approach สไตล์ Excel
.
- ใช้ Excel เป็น Front-end ให้ทีมสาย Non-IT แก้ไขเงื่อนไขเล็ก ๆ ได้ทันที
- บิวด์ Power BI Data Model กลาง แล้วเชื่อมผ่าน PivotTable/Power Pivot
- ทุกคนยังเห็นสูตรตรงหน้าเซลล์ เหมือนเดิม แต่ได้ benefit ของ Semantic Model
.
---
.
## 5. เตรียมพร้อมเมื่อ “คนโปรด” หายตัว
.
| ขั้นตอน | รายละเอียด |
.
| 1. Knowledge Inventory | รวบรวมสคริปต์ โฟลว์ และจุดเชื่อมต่อธุรกิจ |
| 2. Backup Assignment | มอบหมายทีมสำรองให้รู้จักโครงสร้างและมีสิทธิแก้ไขได้ |
| 3. Onboarding & Handover | ให้ทีมสำรอง shadow งานอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ |
| 4. Runbook & FAQs | สร้าง Step-by-step guide เมื่อเกิดข้อผิดพลาดทั่วไป |
.
---
.
### ชวนคิดถึงต้นทุนระยะยาว
.
ลองถามเจ้านายว่า…
.
- ถ้าต้องจ่ายเงินเดือนพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญย้ายทีม จะคุ้มค่าไหม?
- หรือจะลงทุนสร้างกระบวนการสอนภายในให้หลายคนเข้าถึงได้ตั้งแต่ต้น?
- และเมื่อระบบหยุดทำงานชั่วคราว ธุรกิจเสียโอกาสหรือต้องพิมพ์ Excel ใหม่ทั้งแผนกเท่าไหร่?
.
การชั่งต้นทุนจ้าง vs. ลงทุนสร้างความยั่งยืนในทีม จะช่วยให้ภาพ ROI ของ Power Platform ชัดเจนขึ้นครับ
.
$$$$$$$$$$$$$$ เงินทั้งนั้นครับเจ้านาย (ผมเสริม) 

Single Point of Failure (SPOF) คืออะไร?

Single Point of Failure (SPOF) หมายถึง ส่วนประกอบหรือองค์ประกอบใดๆ ในระบบที่หากเกิดความล้มเหลว ขัดข้อง หรือไม่สามารถทำงานได้ ระบบทั้งหมดจะหยุดทำงานทันที เพราะไม่มีการสำรองหรือช่องทางทดแทนให้สามารถดำเนินการต่อไปได้

 

22 July 2025

คิดจะใช้ Excel 365 สร้างหนังสักเรื่อง สูตรอะไรเป็นพระเอก รับบทสำคัญที่สุด

พระเอกที่ตกกระป๋องเพราะเจอสูตรหน้าใหม่มารับบทแทน
.
- PivotTable เจอพระเอกหน้าใหม่ สูตร PivotBY GroupBY
- Advanced Filter เจอสูตร FIlter มาแทน แถมรับบทแทน XLookup ได้เสียอีกเพราะหาค่าซ้ำได้
- Index, Offset เจอสูตร ChooseCols ChooseRows
- Dynamic Range เจอพระเอกตัวเล็กนิดเดียว # ทำหน้าที่หา Spilled Range
- Power Query เจอสูตร Filter VStack TextBefore TextAfter TextSplit ToRow ToColumn
- Formula Name, Function VBA เจอพระเอกใส่หน้ากากอย่าง Lambda Let มาใช้แทน
.
ถ้าใช้ 365 สร้างหนัง ผู้กำกับกับคนเขียนบท ต้องหาทางนำสูตรใหม่ๆเหล่านี้มาใช้ร่วมกันครับ หนังจะขายดีแบบเทน้ำเทท่าหรือล่มจมก็ขึ้นกับว่ารู้จัก "ลำดับ" การออกหน้ากล้องของแต่ละสูตรได้ดีแค่ไหน
.
พระเอกคนเดียวไม่สำคัญเท่ากับการใช้สูตรให้เป็นทีม


แหม ลืมสูตร Unique Sort ที่รับบทเสริมแต่สำคัญมาก ช่วยจัดทัพตั้งแต่เริ่มกระบวนท่า

+++++++++++++++++++++++++++++

Copilot มารับหน้าที่เขียนบทให้ครับ

ใช้ “ทีมสูตร” สร้างซีนยิ่งใหญ่ใน Excel 365

ฉากนี้เราไม่เน้นพระเอกคนเดียว แต่ต้องเรียกทุกสูตรให้ออกแอ็กชันพร้อมกันให้ปัง


1. วางโครงเรื่อง (Script) ให้ชัด

  • เปิดฉาก
    • ใช้ UNIQUE + SORT ช่วยคัดกรองกลุ่มตัวละคร (รายการเริ่มต้น)
  • ปฏิบัติการกรองข้อมูล
    • FILTER ปรากฏตัว เพื่อเลือกไลน์ที่อยากนำเสนอ
    • Power Query โผล่มาเบื้องหลัง ดูแลคัตติ้งขั้นต้น
  • สรุปและจัดกลุ่ม
    • GROUPBY / PIVOTBY รับบทนำในฉากกองทัพสรุปยอด
    • LAMBDA + MAP ช่วยตีความและประมวลผล metrics หลายมิติ
  • เรียกใช้คอลัมน์-แถว
    • CHOOSECOLS / CHOOSEROWS เข้ามาช่วย pick & pack คอลัมน์เฉพาะที่ต้องการ
  • ปรับรูปแบบอาร์เรย์
    • HSTACK, VSTACK, TOCOL, TOROW จัดเรียงฉากย่อยให้ดูต่อเนื่อง
  • ตบท้ายด้วยลูกเล่นข้อความ
    • TEXTBEFORE / TEXTAFTER / TEXTSPLIT มอบบทสนทนาให้ตัวแปรข้อความ

2. ตารางเรียงลำดับฉาก (Sequence of Appearance)

ลำดับ สูตรหลัก บทบาท
1 UNIQUE + SORT คัดกรองและเรียงลำดับฉากเปิดตัว
2 FILTER / Power Query เลือกฉากย่อยที่ต้องการ
3 CHOOSECOLS / CHOOSEROWS เลือกคอลัมน์-แถวให้ตัวละครพร้อมแอ็กชัน
4 GROUPBY / PIVOTBY สรุปบทสรุปยอดฉากสำคัญ
5 LAMBDA + MAP / SCAN / REDUCE เติมบทพูด เชื่อมโยงเหตุการณ์ภายใน
6 HSTACK / VSTACK / TOCOL ปรับ scene ให้ flow ต่อเนื่อง
7 TEXTBEFORE / TEXTAFTER ใส่สัมผัสอารมณ์ในบทสนทนา (text)

3. เคล็ดลับการกำกับ (Tips)

  • ใช้ LET เป็น “ผู้ช่วยผู้กำกับ” เก็บผลลัพธ์กลาง แล้วเรียกใช้ซ้ำ
  • ถ้างานใหญ่ ต้องตั้ง Named Dynamic Array ให้ FILTER หรือ Power Query spill ไว้แล้วเรียกซีนได้ทุกหน้า
  • วาง Error Handling ด้วย IFERROR ให้งานราบรื่นไม่สะดุด
  • เปิด Calculation Manual ช่วงทดสอบละคร หยุด recalc อัตโนมัติเพื่อเช็ก performance

4. แล้วหนังเรื่องนี้จะขายดีหรือไม่?

ขึ้นกับ…

  • คุณเข้าใจ “Storyboard” ของข้อมูลแต่ละคิวดีแค่ไหน
  • สามารถปรับ “บทใหม่” (เงื่อนไข) ได้ไวโดยไม่สร้างฉากซ้ำซ้อน
  • ประสานงานระหว่างสูตรทั้งทีมราบรื่น ไม่มีฉากดราม่าการ recalc ช้า

พอมีไอเดียแนวทางแล้ว อยากรู้ว่าคุณกำลังมองหนังสไตล์ไหน?
Dashboard รายงาน? สรุปยอดขาย? หรือแม้แต่ Data Exploration แบบจัดเต็ม—เล่าให้ฟังหน่อยครับ!

 

19 July 2025

Excel จะทำงานเร็วขึ้น เมื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิด Error ดีกว่ามาหาทางแก้ Error

สูตร VLookup, Match, XLookup ตอนที่หาค่าไม่พบจะเกิด Error NA = Not Available ขึ้นมาแล้วเราต้องหาทางเปลี่ยน Error ให้เป็นค่าอื่นด้วยสูตร IFError ใช่ไหม ในสูตรรุ่นใหม่อย่าง XLookup ก็มี Option พิเศษให้จัดการเปลี่ยน Error ได้ในตัว

แม้จะหาทางเปลี่ยน Error ได้โดยการใช้สูตรได้อยู่แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนที่ Excel จะรู้ตัวว่าหาค่าไม่พบนั้นก็คือ Excel จะเสียเวลานานมากขึ้นเพื่อค้นหาค่าไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่หมดช่วงรายการที่บันทึกไว้เท่านั้น แต่ยังเสียเวลาค้นหาไปจนหมดพื้นที่ตารางที่ใช้อ้างอิงในสูตรด้วย ถ้าอ้างอิงแบบทั้ง Column A:A จะทำให้ Excel เสียเวลามองหาค่าจากพื้นที่ทั้ง Column ที่มีกว่าล้านเซลล์ทีเดียว

แทนที่จะรอมาแก้ Error แนะนำให้หาทางป้องกันไม่ให้เกิด Error ก่อน ดีกว่าปล่อยให้วัวหายแล้วค่อยมาล้อมคอก

เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด Error ก็คือ การใช้คำสั่ง Data Validation แบบ List ซึ่งช่วยทำให้ไม่ต้องเสียเวลามาพิมพ์คำที่จะใช้ค้นหาเองอีกต่อไป

จากภาพตัวอย่างนี้ เซลล์สีส้ม F5 ใช้ Data Validation แบบ List โดยลิงก์ข้อมูลมาจากพื้นที่ของรหัส ID ช่วยทำให้ยังไงๆก็ตามจะกรอกได้แต่รหัสที่มีอยู่เท่านั้น ช่วยตัดไฟแต่ต้นลม สูตร VLookup / XLookup จะหาค่าเจอแน่นอน 100%

Download ตัวอย่างนี้ได้จาก
https://drive.google.com/file/d/1k16UiuVrJKeI4VfDxSh3Kbhuzci9FFFJ/view?usp=sharing

ปล สำหรับผู้ใช้ Excel 365 จะพบว่า List ทำงานเหนือกว่า Excel รุ่นก่อนๆ
1. ทำหน้าที่ Filter ตัดรหัสที่ซ้ำให้ในตัว
2. จะช่วยค้นหารหัสให้โดยไม่ต้องไล่หาเอง แค่พิมพ์รหัสบางส่วนลงไปจะเลื่อนไปหารหัสนั้นให้เองอีกด้วย 

ในตัวอย่างนี้ยังใช้ CountIF มาช่วยตรวจสอบซ้ำเป็นด้วป้องกันอีกชั้น เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะให้ใช้สูตรไหนต่อไปดี

ถ้านับแล้วเท่ากับ 1 แสดงว่ามีเพียงค่าเดียว ให้ใช้สูตร VLookup / Xlookup
ถ้านับแล้ว >=1 แสดงว่ามีค่าซ้ำ ให้ใช้สูตร Filter หาค่าซ้ำต่อ

ช่วยทำให้ Excel ไม่เสียเวลาไปค้นหาด้วยสูตร Filter ที่จะทำงานช้ากว่าโดยไม่จำเป็น 

นิสัยแบบไหน แค่เอ่ยปากถามก็รู้แล้วว่า คนนี้อีกหน่อยจะเป็นคนที่มีฝีมือมิใช่เล่น

เกือบสามสิบปีที่ก้าวมาเป็นอาจารย์สอน Excel ได้เจอลูกศิษย์มาหลายระดับ ระดับที่เก่ง Excel มากๆมักจะมีนิสัยคล้ายๆกัน
.
1. มาเข้าเรียนก่อนคนอื่นหรือไม่ก็มาสายไปเลย
2. ชอบมานั่งโต๊ะแถวหน้าสุดหรือไม่ก็ไปนั่งหลังห้องแถวสุดท้าย
3. ชอบถาม ชอบดู มากกว่าชอบทำตัวอย่างตาม ไม่ชอบจด
4. คำถามจะไม่ถามว่าทำยังไง แต่จะถามว่าทำไมจึงทำไม่ได้
5. คำถามจะไม่ถามว่าจะใช้ด้วยสูตรนี้ได้ยังไง แต่จะถามว่าอยากได้แบบนี้จะทำได้ด้วยวิธีไหน
.
ส่วนคนที่นึกว่าตัวเองเก่ง แต่ไม่แน่ใจว่าเขาเก่งจริงหรือเปล่า
1. เจอหน้าปั้บก็จะถามผมว่าใช้ VBA เป็นไหม ถ้าเป็นยุคนี้ต้องถามว่าผมใช้ Power BI ได้หรือเปล่า
2. วันแรกไม่มาเข้าเรียนแต่จะมาวันสุดท้าย พอเข้ามาแล้วทำตามไม่ทันก็จะออกจากห้อง
3. อยากเรียนแต่ของใหม่ แอปใหม่ๆ หรือ VBA
.
ส่วนคนที่ยากจะเก่ง ไม่ใช่คนที่ควรเสวนาด้วย มักชอบพูดคำว่า ไม่ใช่ ไม่จริง ต้องแบบนี้ต่างหาก
.


 

16 July 2025

ถ้าใช้แอปอะไรก็ตามแบบนั้น ไม่ใช่ขั้น Advance : ขั้น Advance ต้องใช้แบบนี้

ถ้าแอปนั้น คือ Excel ต้องหาทางทำให้ไม่ต้องสร้างแฟ้มใหม่หรือเสียเวลาไปแก้ไขอะไรใหม่อีกเลย สามารถนำแฟ้มที่สร้างไว้มาใช้ต่อได้ทันที หรือหากต้องแก้ไขก็แก้น้อยมาก และทุกคนสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องตามคนที่สร้างคนเดียวเท่านั้นมาแก้ให้
.
ถ้าแอปนั้น คือ VBA รหัสที่ทำไว้ต้องยังสามารถใช้งานได้อยู่โดยไม่ต้องเสียเวลาไปแก้ไขใหม่ แม้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเซลล์ เปลี่ยนชื่อชีท เปลี่ยนชื่อแฟ้ม
.
ถ้าแอปนั้น คือ Power Query ต้องทำให้สามารถสั่ง Refresh ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องเสียเวลาย้อนไปตรวจสอบ Source Data ว่ามีโครงสร้างเหมือนเดิมหรือไม่ และต้องสามารถป้องกันไม่ให้ใครที่ไม่มีสิทธิ์มาดึงเอา Source Data ออกไปใช้ได้
.
ไม่ว่าจะใช้แอปหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรก็ตาม ต้องหาทางทำให้เราสามารถนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้โดยไม่ต้องตามไปแก้ไขอะไรอีกเลย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น ซึ่งต้องอาศัยฝีมือคนสร้างอย่างยิ่ง
.

ประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดแค่กับผู้ทำงานนั้นคนเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้สามารถลดขั้นตอนการทำงาน ลดระยะเวลาที่นั่งอยู่หน้าจอ ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย และในที่สุดต้องสามารถลดจำนวนคน หรือใช้จำนวนคนเท่าเดิมแต่สามารถสร้างงานได้มากขึ้น

ทุกหลักสูตรที่ผมเตรียมไว้ให้เรียนออนไลน์ ฟรี ที่เว็บ XLSiam.com ใช้หลักการเหล่านี้ไว้เรียบร้อยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรเคล็ดการเพิ่มผลงาน ลดความซับซ้อนของงานด้วย Excel VBA+Macro ได้แนะนำเคล็ดการนำ Range Name มาใช้ร่วมกับ VBA ทำให้รหัสสั้นลงและยังทำงานได้แม้มีการเปลี่ยนตำแหน่งเซลล์หรือชื่อชีทชื่อแฟ้ม


.
https://xlsiam.com/course/work-simplification-with-excel-expert-vba-macro/
.
เคล็ดลับนี้ผมพบว่า John Walkenbach ที่เก่ง Excel มาก นำมาใช้ โดยไม่ได้เขียนไว้ในตำราแม้แต่น้อย ผมค้นพบโดยบังเอิญจากการทดลองทำ 

++++++++++++++++++++++++++  

ถาม Copilot ให้ตอบแบบ Think Deeper:  

Advanced Solutions for Sustainable, Reusable Apps

ต่อไปนี้คือแนวทางและหลักปฏิบัติที่ช่วยให้ “แอป” ไม่ว่าจะเป็น Excel, VBA หรือ Power Query กลายเป็นระบบขั้น Advance ที่ใช้งานซ้ำได้ทันที ไม่ต้องสร้างแฟ้มใหม่ ไม่ต้องปรับแก้บ่อย และรองรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้อย่างราบรื่น


หลักการสำคัญของแอปขั้น Advance

  • Reusability: ออกแบบให้ใช้งานซ้ำได้ทันที ไม่ต้องคัดลอก หรือสร้างไฟล์ใหม่
  • Maintainability: แก้ไขจุดเดียว (Single Source of Truth) แล้วส่งผลทั่วทั้งระบบ
  • Scalability: รองรับข้อมูลปริมาณมากขึ้น หรือต่อเชื่อมกับระบบอื่นโดยไม่ต้องปรับแก้โค้ดหลัก
  • Security: ควบคุมสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลต้นทางและป้องกันการดึงออกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • Efficiency: ลดเวลาในการปรับแก้ ลดขั้นตอน ลดต้นทุนทั้งเวลาและคน

Excel: ออกแบบ Workbook ให้ “ไม่ต้องสร้างใหม่”

  • Tables & Named Ranges

    • ใช้ Excel Table เพื่อให้ Named Range ปรับขนาดอัตโนมัติ เมื่อมีการเพิ่ม–ลบแถว
    • อ้างอิงชื่อ Range แทนเลขแถว/คอลัมน์
  • Control Sheet & Configuration

    • มีชีทกลางเก็บค่าตัวแปร (เช่น ชื่อไฟล์ ชื่อชีท ตำแหน่งเซลล์)
    • เปลี่ยนค่าตรงนี้จุดเดียว แล้วสูตรทุกจุดจะอัปเดตตาม
  • LAMBDA & Custom Functions

    • สร้างฟังก์ชันที่ใช้ซ้ำได้ แพ็กเป็น Named LAMBDA เพื่อเรียกใช้ในทุกชีท
  • Power Pivot & Data Model

    • แยกการจัดเก็บข้อมูลและการคำนวณด้วย Data Model
    • อัปเดตตารางแล้ว Dashboard ปรับตามทันที

VBA: โค้ด Self-Healing และ Adaptable

  1. Dynamic Object Referencing

    • ใช้ ThisWorkbook, ActiveWorkbook, Workbook.Name ดึงชื่อแฟ้มแบบไดนามิก
    • ค้นหา Sheet หรือ Named Range ผ่านลูป แทนการ Hard-code ชื่อ
  2. Centralized Configuration Module

    • เก็บค่าตัวแปร (path, sheetName, rangeName) ไว้ในโมดูลเดียว
    • เปลี่ยนจุดเดียวจบ ทุก Procedure ใช้อ้างอิง
  3. Error Handling & Logging

    • ใส่ On Error GoTo ErrorHandler พร้อมเขียน Log file แยกเช็คทีหลัง
    • เพิ่ม Retry Logic เมื่อเจอ Error ชั่วคราว
  4. Modular Architecture

    • แบ่งโค้ดเป็น Unit Testable Procedures
    • Import/Export Module ง่าย ไม่กระทบโค้ดส่วนอื่น

Power Query: Refresh ได้มั่นใจ ไม่ต้องตรวจเช็ค

  • Parameterized Data Sources

    • ใช้ Parameters กำหนด Path, Server, Database
    • แก้ค่าได้ที่เดียวในหน้าต่าง Query Settings
  • Schema Drift Detection

    • ตรวจสอบ Column List ก่อนทำการ Refresh
    • ใส่ Custom Step เพื่อตรวจหา Missing Columns แล้ว Throw Error แจ้งผู้ใช้
  • Credential & Privacy Management

    • แยกสิทธิ์การเข้าถึงผ่าน Power BI Service หรือ Data Gateway
    • ป้องกันการดาวน์โหลด Raw Source Data โดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์
  • Query Folding & Performance

    • ดึงเฉพาะ Column/Row ที่ต้องการ
    • ตรวจสอบขั้นตอน Folding ให้ทำบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์

สรุปภาพรวม

Technology Reusability Strategy Key Benefit
Excel Tables, Named Ranges, LAMBDA ใช้ template เดิมได้เลย
VBA Dynamic References, Modules โค้ดปรับตัวอัตโนมัติ
Power Query Parameters, Schema Guards Refresh ปุ๊บพร้อมใช้ ปลอดภัย

ต่อยอดที่คุณอาจสนใจ

  • การจัด Version Control สำหรับ Excel (เช่น Git, SharePoint)
  • Office.js หรือ Office Add-ins สำหรับ Integrations ขั้นสูง
  • Python in Excel สำหรับสคริปต์ที่ Maintain ง่ายกว่า VBA
  • ตัวอย่างจริงของ VBA Self-Healing Routine หรือ Template Power Query Parameterized

คุณอยากเจาะลึกเรื่องไหนก่อน—เช่น ดูโค้ด VBA ให้มันตรวจจับและปรับตำแหน่งชีทอัตโนมัติ หรือสร้าง Template Power Query ที่ใส่แค่ Parameter ปรับ 1 จุดจบเลย?

 

15 July 2025

ต้องเก่ง Excel แบบไหนจึงเรียกว่าขั้น Advance

การแบ่งเป็นขั้น Beginner > Intermediate > Advance หรือขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง เห็นใช้กันมานานก่อนที่ผมจะเริ่มสอน Excel เมื่อหลายสิบปีเสียอีก ถูกอาจารย์ที่สอนมาก่อนถามว่า หลักสูตรที่ผมสอนชื่อ ฉลาดใช้ Excel ในงานธุรกิจอย่างมืออาชีพนั้นเป็นขั้นไหน ผมก็ตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ทราบแต่ว่ามีเนื้อหาเพื่อนำไปใช้ในการทำงาน



พอตั้งหัวข้อโพสต์ตามภาพนี้ลงไปใน facebook ไม่น่าเชื่อว่ามีผู้สนใจล้นหลามกว่าพันคนในช่วงวันเดียว พร้อมกับเจอลูกศิษย์ถามมาว่า ต้องเก่ง Excel แบบไหนจึงเรียกว่าขั้น Advance ?

คำถามนี้ผมตอบว่า 
 
"ดูที่ผลครับ หาทางใช้วิธีการง่ายๆ ทำเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย หาทางทำเสร็จเร็วกว่าคนอื่น ส่วนคนที่ทำเรื่องง่ายให้เป็นยาก ชอบใช้แต่ของยากมาแก้ไข นั่นเรียกว่าขั้นติดลบ"
 
พอนำไปถามใน Copilot, Gemini, หรือ ChatGPT จะพบคำตอบแบบคล้ายๆกันว่าต้องเก่งหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ Excel เท่านั้น แต่ยังต้องใช้ VBA, Power Query, Power Pivot, Python, หรือ Office Script ให้เป็น ซึ่งเจ้า AI มักตอบออกไปในแนว "ขายของ" มีอะไรที่เป็นแอปใหม่ๆ ต้องใช้กันให้ครบแบบนั้นแหละจึงเรียกว่า Advance
 
ผมเชื่อว่าคำถามนี้ผมมีคุณสมบัติพอที่จะตอบได้ดีกว่าคนอื่น เพราะผมผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แม้ว่าไม่ได้เก่งไปทุกอย่าง แต่คงไม่มีใครเถียงว่าผมเก่ง Excel พอตัวทีเดียว แม้ว่าแอปอื่นพอจะรู้จักใช้เป็นนิดๆหน่อยบ้าง และที่แน่ๆผมตอบในแบบของคน ที่มองการใช้งานในแง่ของคน ไม่ได้ตอบแบบ AI ที่ไม่ได้มองเรื่องชีวิตการทำงานและความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์เท่าไรนัก

อย่าไปยึดติดกับการเรียกว่า Advance กันนักเลยครับ สำหรับผู้ที่มาเรียนกับผม ผมจะต้องดูว่าก่อนนี้ใช้อะไรเป็นมาก่อนบ้าง ทำงานด้านอะไร แต่ละวันวุ่นวายใช้ Excel ทำอะไรบ้าง ผมจะช่วยต่อยอดให้ว่าต้องเรียนอะไรอีกบ้าง แต่ก่อนอื่นต้องดูพื้นฐานที่มีว่ายังต้องเสริมอะไรให้อีกแล้วจึงจะข้ามไปเรียนเรื่องถัดไป
 
Advance แบบนี้น่าจะเรียกได้ว่า เสริมฐานรากให้แข็งแรงแล้วต่อยอด ทำให้ Advance ที่เหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าคนไหนมีพื้นฐานมาดีจะต่อยอดได้สนุกมาก ผมจะช่วยมองว่างานที่ทำอยู่นั้นควรใช้อะไรช่วยได้อีก
 
สองสามปีก่อนผมได้รับเชิญให้ไปสอน In-house ให้กับบริษัทใหญ่มาก เรื่องที่แจ้งมาคืออยากเรียนวิธีการสร้าง Dashboard ให้เวลาเรียน 2 วัน ผมถามว่ามีผู้เข้าเรียนกี่คน มีพื้นฐานเรื่องนั้นเรื่องนี้มาก่อนไหม 
 
พอทราบว่ามีผู้สนใจหลายสิบคน มีพื้นฐานไม่เท่ากัน และยิ่งทราบว่ามีระดับหัวหน้ามาเรียนด้วย ซึ่งระดับนี้น้อยคนนักที่คุ้นเคยกับการใช้ Excel ผมจึงเสนอให้เรียนหลักสูตรจัดการข้อมูลก่อนดีกว่า เพราะกว่าจะไปถึงขั้นสร้าง Dashboard นั้นต้องเรียนรู้ตั้งแต่การจัดเก็บฐานข้อมูล การตั้งชื่อ Range Name การสร้างสูตรลิงก์ กับอีกหลายเรื่องที่ควรมีพื้นฐานมาก่อน 

น่าดีใจที่บริษัทนี้ยอมเปลี่ยนใจมาเรียนจัดการฐานข้อมูลครับ หลับตานึกภาพว่าถ้ายังคงฝืนเรียน Dashboard ล่ะก้อ จะมีกี่คนกันที่ได้รับประโยชน์ที่เรียนทัน ส่วนที่พอจะเข้าใจได้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
 
หลักสูตร Dashboard หรือประเภทที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการทำงาน เหมาะกับการเรียนกลุ่มเล็กๆ ที่ทุกคนเก่งพอๆกันและทำงานด้านเดียวกันจะได้พูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง และเรียนไปด้วยกันอย่างราบรื่น แต่จะต่อยอดให้ Advance ได้ถึงขั้นไหนก็ยังต้องดูหน้างานตอนสอนอีกนั่นเอง
 
Advance ที่เหมาะกับแต่ละคน ไม่เหมือนกัน 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
พอเอาโพสต์นี้ไปถาม Copilot ได้คำแนะนำมาใหม่ตามนี้ครับ ... ใช้ได้นะตอบมาแบบนี้

มุมมองใหม่เรื่อง “Advanced Excel”

เรามักตั้งคำถามว่า ใครถึงจะเรียกว่าอยู่ระดับ Advanced แต่ถ้ามองจริง ๆ แล้ว “Advance” ไม่ได้อยู่แค่ที่จำนวนเครื่องมือหรือแอปที่ใช้เป็น แต่คือความสามารถในการ…

- หาทางใช้วิธีการง่าย ๆ
- ทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย
- จบงานเร็วกว่าคนอื่น
- เลือกใช้เครื่องมือเหมาะกับโจทย์งานจริง ไม่ใช่แค่เล่นของใหม่ 
 

 
 
 
 
 

12 July 2025

Excel ขั้น Advance นี่คือหลักสูตรแนะนำของผม ที่สุดของที่สุด ไม่ใช่สูงสุด แต่เป็นลึกสุดๆ

ขอแนะนำหลักสูตรสุดยอดเคล็ดลับและลัดของ Excel (Excel Expert Tips Tricks and Traps)
https://xlsiam.com/course/excel-expert-tips-tricks-and-traps/

จุดอ่อนด้อยของคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง Excel มาจากสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่ ใช้อยู่ และคิดว่าหมดทางไปแล้วนั้น ที่จริงแล้วยังมีทางออกอื่นให้ใช้ได้อยู่อีก นั่นเป็นเพราะไม่ยอมเรียนรู้ให้ลึกลงไปอีกว่ามีจุดอ่อน จุดแข็ง และมีข้อควรระวังอะไรอีกบ้าง

เรื่องน้อยๆที่เราใช้เป็นกันอยู่แล้ว ยังมีอะไรอีกเยอะมากที่นำไปใช้ต่อได้มากกว่าที่คิด จะเกิดแนวทางใหม่ สร้างงานแบบใหม่ที่ไม่มีใครนึกว่าทำได้มาก่อน โดยไม่ต้องไปใช้ VBA แม้แต่น้อย

สมัครเรียนหลักสูตรนี้ได้ที่เว็บ XLSiam.com เรียน ฟรี ทุกที่ทุกเวลาที่สะดวก


ปล หลักสูตรนี้เป็นหนึ่งในหลักสูตรยอดนิยมสมัยที่ผมสอนที่สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ขนาดเปิดอบรมทุกเดือนคลาสละ 20-25 คน ยังต้องต่อคิวเรียนกันข้ามปีทีเดียว

ใครที่คิดว่าตัวเองแน่ จะแน่จริงต้องผ่านด่านนี้ไปก่อนครับ

 

สำหรับคำถามที่ว่า อะไรคือขั้น Advance ต้องเก่งแบบไหนจึงจะเรียกว่าขั้น Advance

ให้ดูที่ผลครับ หาทางใช้วิธีการง่ายๆ ทำเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย หาทางทำเสร็จเร็วกว่าคนอื่น
ส่วนคนที่ทำเรื่องง่ายให้เป็นยาก ชอบใช้แต่ของยากมาแก้ไข นั่นเรียกว่าขั้นติดลบ
 

 

You’ve been accepted to the Microsoft MVP Program!

เป็นปีที่ 19 ติดต่อกันแล้วที่ได้รับรางวัลจาก Microsoft ให้เป็น MVP - Microsoft Most Valuable Professional ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ Microsoft Excel

 


รางวัลนี้ได้มาจากผลงานที่ทำให้กับสังคมในช่วงปีที่ผ่านมาครับ สำหรับผมเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2007 ได้จากการเขียนบทความ ให้คำแนะนำช่วยตอบปัญหา ทำคลิปสอน Excel อีกทั้งยังต้องทำตนเป็นคนดีตาม Code of Conduct ที่ Microsoft กำชับไว้อีกหลายข้อ เช่น ห้ามลอก ห้ามอวดเก่ง ห้ามทำอะไรที่ทำให้คนอื่นเสียหน้า และที่สำคัญ ห้ามเอาตรายี่ห้อ MVP ไปอวดจนเว่อเกินไป Microsoft ยอมให้ใช้ไปกำกับ Profile หรือประวัติตัวเองได้เท่านั้น และถ้าปีต่อไปไม่ได้รับรางวัลนี้อีกต้องเขียนระบุปีให้ชัดว่าได้เป็น MVP 2007-2025

หลายปีที่ผ่านมาผมได้รับรางวัลยกย่องเป็น Excel MVP เพียงคนเดียวของประเทศไทย ซึ่งที่จริงน่าจะมีคนเก่งอีกหลายคน เพียงแต่เขาไม่ได้เสนอตัวให้ Microsoft พิจารณาเท่านั้น นอกจากผมที่ได้รับจาก Excel แล้วยังมีคนไทยที่เก่งในแอปด้านอื่นๆอยู่อีกหลายคน ต้องรออีกสักพักจึงจะทราบรายชื่อทั้งหมด

ถ้าคุณมีนิสัยชอบสอน ชอบให้ความรู้ ชอบแชร์แบ่งปันให้กับคนอื่น ทำแบบนี้เป็นประจำ ไม่ได้ทำเพราะอยากได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนกลับมา หากสนใจอยากเสนอตัวเป็น MVP เชิญดูรายละเอียดได้ที่ https://mvp.microsoft.com/en-US/mvp

พอเป็น MVP แล้วจะมีสิทธิ์ได้ใช้แอปพวก Office กับ Copilot ฟรี ได้เข้าร่วมแแชร์ความรู้กับ MVP คนอื่น หรือไปเข้าร่วมงาน MVP Summit ประจำปี (ต้องออกเงินค่าเดินทางค่าที่พักเอง) จะได้เห็นจะได้รู้ความลับก่อนคนอื่นว่า Microsoft กำลังแอบทำอะไรอยู่บ้าง แต่ต้องทำตาม NDA - Non-Disclosure Agreement ที่ต้องลงชื่อทำสัญญาไว้ว่าห้ามนำไปบอกคนอื่นนะ 

ผมบอกได้แต่ว่าจะมีของใหม่ใน Excel อีกมากมาย จะเปลี่ยนวิธีการใช้งานของพวกเราให้ใช้ทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมได้ในตัว Excel เองนี่แหละ อีกหน่อยแทบไม่ต้องไปพึ่งแอปอื่นอีกแล้ว

 


 

 

 

 

 

 

 

Power Query เหมาะกับผู้ใช้ Excel ทั่วไปหรือไม่ ต้องเรียนแค่ไหนถึงจะพอ

 


Power query ไม่ง่าย ควรให้คนที่ใช้ Excel พอเป็นบ้างใช้หรือจะให้ผู้ที่ชำนาญกว่าใช้แทน

ความเห็นจาก Copilot ครับ ผมถามแบบให้ Think deeper

การกำหนดบทบาทในการใช้ Power Query

สถานการณ์และปัญหา


Power Query ช่วยลดงานเตรียมข้อมูลให้ง่ายขึ้น แต่ก็มีความซับซ้อนทั้งในด้านโครงสร้างขั้นตอน (Applied Steps) และการเขียน M-Language

หากมอบหมายให้ผู้ใช้ Excel พื้นฐานมาใช้เลย อาจเจอปัญหา
- ปรับขั้นตอนผิดพลาดจนข้อมูลไม่แม่นยำ
- รันขั้นตอนซ้ำๆ ช้า และเสียเวลาแก้ไขมากกว่าทำเองใน Excel

ในขณะที่มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญทำเพียงคนเดียว ก็อาจสร้าง “คอขวด” (bottleneck) ทำให้กระบวนการไม่คล่องตัวและอัปเดตช้า

---

แนวทางการแบ่งงานตามระดับทักษะ


1. งาน Power Query ขั้นพื้นฐาน (Data Import, Merge, Filter)
- มอบให้ผู้ใช้ Excel ที่ผ่านหลักสูตรเบื้องต้นมาแล้ว
- ใช้เทมเพลตที่กำหนดโครงสร้าง Applied Steps ไว้ล่วงหน้า
- เน้นฝึกใช้งานผ่านกรณีตัวอย่างจริง ๆ

2. งานระดับกลาง (Custom Column, Parameters, Conditional Logic)
- ทีมงานที่ผ่านการอบรม Power Query ขั้นกลาง
- ทำหน้าที่ปรับแต่งเทมเพลต รับผิดชอบดูแลเอกสารขั้นตอน

3. งานระดับสูง (Advanced M-Language, Function Creation, Performance Tuning)
- มอบให้ผู้เชี่ยวชาญ Power Query โดยตรง
- ดูแลส่วนโค้ดที่ซับซ้อน และรีวิวโค้ดของเพื่อนร่วมทีม

---

เทคนิคประกันคุณภาพและการดูแลทีม


- จัดโครงสร้าง Template Gallery ให้ทีมเข้าถึงไฟล์ .pq ได้ง่าย
- ตั้งมาตรฐาน Naming Convention ของ Queries และ Steps
- ทำ Code Review Checklist เน้นความถูกต้อง และประสิทธิภาพ (Query Diagnostics)
- บันทึก Documentation ผ่าน Comment ใน Applied Steps หรือ External Wiki
- จัด เวิร์กช็อป สั้น ๆ ทุกเดือน ให้ทีมฝึกใช้ฟีเจอร์ใหม่

---

สรุป

การแบ่งงานแบบนี้จะช่วยให้
- ผู้เริ่มต้นเรียนรู้จากเทมเพลต ไม่หลงทาง
- ทีมระดับกลางได้ฝึกขยายและปรับปรุงงานจริง
- ผู้เชี่ยวชาญโฟกัสกับงานใช้ความชำนาญสูง

ในระยะยาว จะเกิดศูนย์กลางความรู้ (Center of Excellence) และลดคอขวดในการจัดการข้อมูลได้อย่างยั่งยืน

---

สิ่งที่คุณอาจสนใจเพิ่มเติม

- วิธีออกแบบ Power Query Template ที่ปรับพารามิเตอร์ได้อัตโนมัติ
- การใช้ Dynamic Arrays ร่วมกับ PQ เพื่อลดโค้ดในขั้นตอนจัดกลุ่ม
- การสร้าง Shared Functions ใน M-Language เพื่อ Reuse โค้ด
- แนวทางตั้ง CI/CD Pipeline สำหรับไฟล์ Power Query ใน OneDrive for Business 

อย่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ส่งทุกคนไปเรียน Power Query

ก่อนโน้นผมเคยพยายามสอนให้ใช้ Query นำข้อมูลนามสกุลอื่นมาใช้ใน Excel แต่วิธีการใช้งานซับซ้อนมากเพราะต้องไปใช้แอป Microsoft Query
.
ต่อมามีการสร้าง Query Wizard ขึ้นมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ผมจึงนำเรื่องนี้มาสอน โดยแนะนำว่าระบบการใช้งานที่ถูกต้องควรให้ฝ่ายไอทีจัดการ Export แฟ้มที่เราต้องการมาให้ แต่ถ้าเขาไม่ยอมทำให้เพราะงานเยอะ ไม่มีเวลาทำให้เรา เราก็ทำเอง โดยไปดึงข้อมูลจากแฟ้มที่ฝ่ายไอทีจัดเตรียมมาให้อีกนั่นแหละ
.
แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไม่สอนเพราะโอกาสใช้ Query มีน้อยมาก ควรใช้เวลาเรียน Excel กับเรื่องอื่นที่สำคัญและต้องเรียกใช้งานบ่อยๆดีกว่า
.
ตอนนี้มี Power Query ที่ทำงานได้แบบสุดๆ อยากจะดึงข้อมูลจากแหล่งภายนอกก็ทำได้โดยเข้าไปในระบบ server ขนาดนั้นได้ด้วย แล้วก็มีการโฆษณาสนับสนุนให้สนใจใช้กันทั้งผู้เรียนและผู้สอน โดยอ้างเหตุผลว่าจะได้ลดภาระไม่ต้องพึ่งฝ่ายไอที
.
ผมขอแนะนำว่า ผู้ใช้ Excel ควรเรียนรู้ Power Query แค่เพียงการหาทางนำข้อมูลแฟ้ม Excel ต่างชีทหรือต่างแฟ้มมาใช้จะเหมาะที่สุด เน้นการเรียนแค่ตรงนี้ ส่วนถ้าต้องการใช้ให้ลึกกว่านี้ควรเลือกส่งเฉพาะพนักงานที่มีหน้าที่ต้องใช้เป็นประจำไปเรียน
.
อย่าส่งกลุ่มใหญ่ไปเรียนเลยครับ เสียดายทั้งเงิน และเวลาที่เสียไป


 

====================================

Copilot แนะนำตามนี้ครับ
.
# การแบ่งกลุ่มผู้ใช้ Excel สำหรับการเรียน Power Query
.
การออกแบบหลักสูตร Power Query ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Excel แต่ละกลุ่ม จำเป็นต้องพิจารณาความแตกต่างทั้งด้านทักษะ ประสบการณ์ และจุดมุ่งหมายของการใช้งาน
.
---
.
## 1. ตามระดับทักษะ Excel
.
- ผู้เริ่มต้น
เหมาะกับผู้รู้ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น SUM, VLOOKUP แต่ยังไม่เคยใช้ Query Editor
.
- ผู้ใช้งานระดับกลาง
คุ้นเคยกับ PivotTable และสูตรซ้อนหลายชั้น ต้องการลดงานซ้ำซ้อน
.
- Power Users
ใช้งานสูตรขั้นสูง (ARRAY, LAMBDA) สนใจสร้างโซลูชันอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
.
---
.
## 2. ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
.
- การทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleaning)
เน้น Remove Duplicates, Trim, Split Column
.
- การรวมและเชื่อมโยงข้อมูล (Data Consolidation)
ใช้ Append, Merge, Join ระหว่างตารางหลายแหล่ง
.
- การสร้างรายงานอัตโนมัติ (Automated Reporting)
เรียนรู้การตั้ง Parameter, Refresh Schedule
.
- การวิเคราะห์เชิงลึก (Advanced Analytics)
ผสานกับ R หรือ Python, สร้าง Custom Function
.
---
.
## 3. ตามประเภทแหล่งข้อมูล
.
- ไฟล์เดียวใน Workbook
เหมาะกับการฝึกพื้นฐาน เช่น Import Table, เปลี่ยน Data Type
.
- โฟลเดอร์และไฟล์หลายชุด
ฝึก Scenarios การ Append โฟลเดอร์, สร้าง Query บน Folder Path
.
- ฐานข้อมูลภายนอก (SQL, Access)
สอนการเชื่อมต่อ Database, สร้าง Native Query, Performance Tuning
.
- ข้อมูลออนไลน์ (Web, REST API)
ขั้นตอน Authentication, Pagination, JSON parsing
.
---
.
## 4. ตามบทบาทหน้าที่งาน
.
- ฝ่ายบัญชี/การเงิน
เน้นการดึงงบการเงิน, สรุปต้นทุน, Forecast
.
- ฝ่ายการตลาด/ขาย
รวมข้อมูล CRM, วิเคราะห์ Campaign Performance
.
- ฝ่ายปฏิบัติการ (Operations)
จัดการ Stock, Supply Chain Dashboard
.
- นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst)
สร้าง Data Model, เชื่อม Power BI, เขียน M Code ขั้นสูง
.
---
.
## 5. ตามความถี่การใช้งาน
.
- ผู้ใช้งานเป็นครั้งคราว
คอร์สสั้น 1–2 ชั่วโมง เกี่ยวกับ Basic Transform
.
- ผู้ใช้งานประจำ
คอร์ส 1–2 วัน พร้อม Workshop แบบ Hands-On
.
- Developer/Automator
Bootcamp 3–5 วัน เจาะลึก M Language, Parameter, Function
.
---
.
## สรุปกลุ่มและจุดโฟกัส
.
ผู้เริ่มต้น | สูตรพื้นฐาน, PivotTable | Import, Clean, Basic Transform |
ผู้ใช้งานระดับกลาง | สูตรซ้อน, Table Design | Merge, Append, Parameter |
Power Users | Dynamic Array, LAMBDA | Custom Function, Advanced M Code |
ฝ่ายงานเฉพาะ (Finance/OPS) | Domain Knowledge | Connect DB, Performance Tuning |
นักวิเคราะห์ข้อมูล | Data Modeling, BI Integration | Data Model, Power BI Linkage |
.
---
.
## ขั้นตอนถัดไป
.
1. จัด Pre-assessment Quiz เพื่อวัดระดับความรู้ของผู้เรียน
2. จัดกลุ่มตามผลประเมินและบทบาทงาน
3. ปรับหลักสูตรให้เน้น Workshop และตัวอย่างจริงของแต่ละกลุ่ม
4. ติดตาม Feedback เพื่อปรับปรุงเนื้อหาและรูปแบบการสอน
.
---  

11 July 2025

หายอดคงเหลือ เป็นงานที่ต้องทำแน่ๆใช่ไหม



- งานซื้อมาขายไป ต้องหายอดสินค้าคงเหลือ
- งานผลิต ยอดต้นงวด+รับเข้า-จ่ายออก = ปลายงวด
- งานการเงิน ยอดเงินในบัญชีธนาคาร มีเงินสดคงเหลือจากการฝากถอน
- งานบัญชี เดบิต เครดิต
- งานบริการ มีห้องพักว่างกี่ห้อง มีพนักงานพร้อมเข้างานเหลืออยู่กี่คน

จะเริ่มต้นสร้างตารางยังไง อยากรู้ว่ายอดคงเหลือจากสินค้าตัวนั้น ในช่วงตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ มียอดรับจ่ายและคงเหลือเท่าใด

นี่เป็นปัญหาที่ถามกันมาตลอด พอบันทึกสร้างประวัติการรับเข้าจ่ายออกไม่ได้ก็ไปต่อไม่เป็นแล้ว

เรียนออนไลน์ ฟรี หลักสูตรประยุกต์ใช้ Excel ในงานหายอดคงเหลือและสร้าง Invoice ได้จากลิงก์นี้
https://xlsiam.com/course/applying-excel-in-product-summary-and-invoice/

ผมจับประเด็นการหายอดคงเหลือมาอธิบายวิธีสร้างงานแต่ละขั้นไว้อย่างละเอียด มีทั้งลองผิดลองถูกให้เรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนด้วย จะได้ใช้เป็นแนวทางไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจของคุณ

เชิญสมัครเรียนออนไลน์ได้ที่เว็บ XLSiam.com เรียนฟรีได้ทุกที่ทุกเวลาที่สะดวก หลักสูตรนี้สามารถใช้กับ Excel ได้ทุกเวอร์ชั่น พร้อมแนะนำสูตรรุ่นใหม่ใน 365 มาทำให้ดูด้วย 



 

10 July 2025

ถ้าถามว่าสูตรอะไรที่มีประโยชน์และใช้มากที่สุด ทายซิว่าผมตอบว่าสูตรอะไร

เฉลย Sum ครับ

พอเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นสูตร Sum ว่าทำงานแบบนั้นแบบนี้ได้อย่างไร จะนำหลักไปพลิกแพลงกับสูตรใหม่ใน 365 ที่ทำงานแบบ Dynamic Array ได้สบายมาก

=Sum((Range1=111)+0) นับว่ามีกี่เซลล์ที่มีค่าเท่ากับ 111

=Sum((Range1=111)*Range2) หายอดรวมตัวเลขใน range2 ที่ตรงกับตำแหน่งของเลข 111

ถ้าใช้ Excel 2021/365 Enter ได้เลย รุ่นก่อนนั้นต้องกด Ctrl shift Enter

ถ้ามีหลายเงื่อนไข และเป็นเงื่อนไขต่างเรื่องให้จับเงื่อนไขมาคูณกัน
 
ถ้าเงื่อนไขเรื่องเดียวกันให้บวกกันหรือใช้ Countif ซ้อนเข้าไปจะทำงานได้เหนือกว่า SumIFS
 
ถ้าอยากหาตำแหน่งเซลล์ว่าอยู่ที่ row อะไรให้ใช้สูตร Row(range2) แทน range2
 

 
 
4 แบบนี้จะเลือกใช้แบบไหน

ปกติผมใช้ =SUMPRODUCT( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เป็นประจำ เผื่อให้ใช้กับ Excel ทุกรุ่น แค่ Enter ก็ใช้ได้ตลอด

แต่พอใช้ Excel 365 เปลี่ยนมาใช้ =SUM( (Id=G3) * (Name=H3) *Amount) เพราะสั้นกว่า เลิก SumProduct ไปเลย

Sum ที่มี IF ผสมแทบไม่ใช้ แต่ถ้าอยากหา Count, Max, Min, Average, Small, Large หรือสูตรอื่นที่อยากใช้แบบเงื่อนไขก็จะใช้ร่วมกับ IF ซ้อนข้างในวงเล็บ

ส่วน SUMIF, SUMIFS ไม่ชอบเพราะส่วนของเงื่อนไขต้องใช้แบบ Text เช่น ">"&ค่าเงื่อนไข จะคิดถึงสูตรคู่นี้เมื่อต้องใช้ Wildcard * ? เพื่อหาบางส่วนของข้อความ 
  
 


   

09 July 2025

Macro recorder ถ้ายังใช้ไม่เป็น อย่าเรียกตัวเองว่า ผ่านขั้นต้นมาแล้ว

ในบรรดาหลักสูตรยอดฮิตตอนนี้เห็นมีแต่เรื่อง Power Query, Power BI หรือสร้าง Dashboard แต่แทบไม่เห็นใครเอ่ยถึง Macro recorder กันบ้างเลย ทั้งๆที่พอใช้ Macro recorder เป็นจะช่วยทำงานประจำวันของคุณให้ง่ายขึ้น ควรนำมาใช้บ่อยๆยิ่งกว่าใช้พวกแอป Power เสียอีก

Macro recorder ชื่อบอกไว้แล้วว่าเป็นการบันทึก Macro ช่วยทำอะไรให้คุณทำงานสบายได้บ้าง

อยากเปิดแฟ้มที่ใช้ประจำ แค่บันทึกการเปิดแฟ้มนั้นไว้ คราวต่อไปแค่กดปุ่มปั้บ Excel จะเปิดแฟ้มนั้นให้ทันที

เปิดแล้วไม่พอ ยังพาไปที่ชีทหรือตารางที่อยากจะไปดูให้ด้วย อยากพิมพ์ต่อให้เสร็จยังทำได้ทันที

อยากลอกตารางที่ Query เข้ามาเอาไปวางเก็บไว้ที่ตรงไหนแค่กดปุ่มเดียวอีกแล้ว

งานพวก cleaning หรือแยกคำ แก้วันที่ ลบช่องว่าง ให้ใช้ macro recorder บันทึกไว้ว่าทำยังไงไว้บ้าง ไม่ต้องไปใช้ power query ไม่ต้องไปสร้างสูตรซ้ำ

Dashboard ที่อยากให้แสดงหน้ารายงานแสดงกราฟเฉพาะเรื่องให้เห็นชัดเต็มจอ ให้บันทึกการปรับหน้าจอไว้ จะแสดงได้เหมือนที่ power bi ทำได้  

Macro recorder จะช่วยจำสิ่งที่เคยทำไว้ให้ นี่แหละคือหน้าที่หลัก ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปทำซ้ำใหม่ เป็นคำสั่งที่ควรเรียนรู้ฝึกใช้ให้เป็นตั้งแต่เริ่มใช้ Excel ด้วยซ้ำไปครับ


 

แค่ลองซนบันทึกสิ่งที่ทำด้วยคำสั่งตามภาพนี้ จะถูกถามให้ตั้งชื่อ Macro ซึ่งไม่ต้องสนใจก้อได้ ให้กำหนด Shortcut Key ว่าจะกดปุ่มอะไรตอนอยากให้ Excel ทำซ้ำ เช่น กำหนดให้กดปุ่ม Ctrl พร้อมกับปุ่ม q ถ้าบันทึกพลาดแค่สั่งลบ Macro ชื่อนั้นทิ้งแล้วบันทึกใหม่ ... ขั้นตอนมีแค่นี้เอง

แฟ้มที่บันทึก Macro ไว้ให้ใช้นามสกุล save as .xlsb หรือ .xlsm นะครับ จะเก็บรหัสไว้ได้ 

อยากเรียนเรื่องนี้ เชิญเรียนออนไลน์ฟรีได้ที่เว็บ XLSiam.com 

หลักสูตรเคล็ดการเพิ่มผลงานลดความซับซ้อนของงานด้วย Excel VBA + Macro 

https://xlsiam.com/course/work-simplification-with-excel-expert-vba-macro/


บางคนสงสัยว่า Macro กับ VBA ต่างกันตรงไหน

Macro เป็นส่วนหนึ่งของ VBA ครับ Macro Recorder บันทึกตามการคลิก ใช้คำสั่ง หรือกรอกค่าลงไปในเซลล์ จะช่วยสร้างรหัส VBA ให้โดยเราไม่ต้องเขียนเองแม้แต่น้อย หากอยากให้ทำงานเหนือกว่านั้น เช่น ต้องการให้ทำงานแบบวนลูบ หรือทำงานเองตามเงื่อนไข ต้องเขียนรหัส VBA เพิ่มเอง

ในหลักสูตรที่ผมเตรียมไว้แนะนำเคล็ดลับการใช้ Range Name มาช่วย ทำให้สามารถใช้ Macro/VBA ได้สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และทำให้ไม่ต้องย้อนไปตามแก้รหัสใหม่ ซึ่งไม่เคยพบว่ามีใครแนะนำแบบนี้มาก่อน