.
ลองเจาะดูว่าทำไมแอป BI ถึงออกมาเหมือนกันหมด และทำไมมันยังไม่ “น่าสนใจ” เท่าที่ควร:
---
.
### 🧠 ทำไมแอป BI ถึงหน้าตาคล้ายกันหมด?
.
#### 1. **มาจากรากของ “นักวิเคราะห์” ไม่ใช่ “นักเล่าเรื่อง”**
- Power BI, Tableau, Qlik—ล้วนถูกออกแบบโดยคนที่เน้นการ slice & dice ข้อมูล
- UI จึงเน้น filter, slicer, drill-down มากกว่า narrative หรือ emotional impact
.
#### 2. **ความเชื่อว่า “ข้อมูลต้องเป็นกลาง”**
- หลายองค์กรกลัวการตีความ จึงเน้นแสดง “ข้อมูลดิบ” มากกว่า insight
- ผลคือ dashboard กลายเป็น “ตารางสวยๆ” ที่ไม่มีเสียง ไม่มีเรื่องราว
.
#### 3. **การขายที่เน้น “ฟีเจอร์” มากกว่า “ประสบการณ์”**
- แอป BI แข่งกันด้วยคำว่า “interactive”, “real-time”, “cloud-based”
- แต่ไม่แข่งกันว่า “คนดูจะเข้าใจไหม?” หรือ “จะจำได้ไหม?”
.
#### 4. **ความกลัวที่จะ “ใส่อารมณ์”**
- การใส่ภาพ, สี, หรือข้อความเล่าเรื่องถูกมองว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ”
- ทั้งที่จริงๆ แล้ว emotional design คือหัวใจของการสื่อสารที่ดี
.
---
.
### 🔥 แล้วเราจะทำให้มัน “น่าสนใจ” กว่านี้ได้ยังไง?
.
#### ✅ เปลี่ยน mindset จาก “แสดงข้อมูล” → “เล่าเรื่องให้คนเข้าใจ”
- ใช้ layout แบบ storyboard, infographic, หรือ slide flow
- ใส่ข้อความ, icon, หรือภาพที่ช่วยตีความ ไม่ใช่แค่โชว์ตัวเลข
.
#### ✅ ใช้ emotional cues: สี, ภาพ, คำพูด
- สีแดงไม่ใช่แค่ “ต่ำกว่าเป้า” แต่คือ “เสียงเตือน”
- ภาพลูกค้าหน้าหงอย อาจสื่อได้มากกว่ากราฟ churn rate
.
#### ✅ สร้าง dashboard ที่ “มีเสียงในใจ”
- ให้ผู้ดูรู้สึกว่า “โอ้ เข้าใจแล้ว” ไม่ใช่แค่ “โอ้ ตัวเลขเยอะจัง”
.
---
.
> “Dashboard สมัยนี้เหมือนหุ่นยนต์โชว์ตัวเลข…แล้วคนดูต้องตีความเองว่าโลกกำลังพังหรือเปล่า”
ว่าไปแล้วอีกที การทำ Storyboard ด้วย Excel น่าจะทำได้ง่ายกว่า Power BI ใช่ไหม
.
พูดได้เต็มปากเลยครับ Somkiat—**Excel คือสนามเด็กเล่นของคนที่อยากเล่าเรื่องด้วยข้อมูลแบบมีอิสระ** โดยไม่ต้องติดข้อจำกัดของ Power BI ที่บางที “สวยแต่คุมยาก” หรือ “ยืดหยุ่นน้อยกว่า”
.
ลองดูว่า Excel มีอะไรที่ทำให้มันเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องแบบ storyboard ได้ง่ายกว่า:
.
---
.
### 🧩 จุดแข็งของ Excel ในการทำ Storyboard Dashboard
.
#### ✅ **ควบคุมตำแหน่งทุกอย่างได้ละเอียด**
- วางกราฟ, รูปภาพ, textbox, shape ได้แบบ pixel-perfect
- ใช้ **cell เป็น grid** สำหรับจัด layout เหมือนทำ infographic
.
#### ✅ **ใส่ข้อความเล่าเรื่องได้เต็มที่**
- ใช้ textbox หรือ cell comment เพื่อใส่ narrative หรือ insight
- ทำ “แผ่นสรุป” ที่มีทั้งกราฟและคำอธิบายเหมือน slide
.
#### ✅ **สร้าง flow แบบ storyboard ได้ง่าย**
- ใช้หลาย worksheet เป็น “ตอน” ของเรื่อง เช่น Sheet1 = ปัญหา, Sheet2 = ข้อมูล, Sheet3 = แนวทางแก้
- ใช้ **hyperlink หรือ shape เป็นปุ่มนำทาง** ระหว่าง sheet
.
#### ✅ **ฝังภาพ, ไอคอน, และแม้แต่วิดีโอ**
- แปะภาพประกอบจาก PowerPoint หรือ Canva ได้ทันที
- ฝังวิดีโอผ่านลิงก์ YouTube หรือแปะ QR code ให้ดูผ่านมือถือ
.
#### ✅ **ทำ animation แบบ manual ได้**
- ใช้ VBA หรือ PowerPoint-style macro เพื่อเลื่อนกราฟ, เปลี่ยนสี, หรือเน้นจุดสำคัญ
.
---
.
### 🎨 ตัวอย่างไอเดีย Storyboard ด้วย Excel
.
- **“ยอดขายตกเพราะอะไร?”**
Sheet 1: ภาพรวมยอดขาย + headline
Sheet 2: กราฟแยกตามภูมิภาค + highlight ภาคใต้
Sheet 3: ข้อมูลลูกค้า + insight จาก CRM
Sheet 4: แนวทางแก้ + checklist
.
- **“ทำไมต้องเปลี่ยนระบบ?”**
Sheet 1: ปัญหาปัจจุบัน (ภาพ + ข้อความ)
Sheet 2: ข้อมูลสนับสนุน (กราฟ + KPI)
Sheet 3: ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (ภาพจำลอง + bullet point)
.
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.